Rolling Stones :: Under Cover (1983)

หมายเลขแผ่น - 1654361
โปรดิวเซอร์ - The Glimmer Twins and Chris Kimsey
ออกปี - 1983
แนวดนตรี - อะไรก็ได้ที่จะจับมารวมกับ R&B ได้
สังกัด - Rolling Stones

สโตนส์ วงอื้อฉาวแห่งวงการ แนวดนตรีของเขาก็เปรียบเสมือนกิ้งก่าที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นสีอะไรก็ได้ เพื่อเหตุผลอะไรก็ได้ แต่ถ้าพวกเขาเป็นกิ้งก่าเขาก็เป็นกิ้งก่าที่มีค่าคู่ควรที่จะอยู่รอดกัน เพราะสิ่งที่เขาทำกันออกมาเป็นดนตรีนั้น มันคือพลัง ที่ไม่ว่าเขาจะเล่นอะไรออกมา เป็นสิ่งที่ได้ผ่านการไตร่ตรองออกมาแล้ว ดนตรีของเขาฟังดูแล้วมีพลัง มีการปรับปรุงเพื่อการสร้างสรรค์กันอยู่ตลอดเวลา จริงอยู่ ถ้าเราจะมองกันตามความเป็นจริงกันแล้ว วงอย่างสโตนส์นั้นไม่ใช่ผู้นำแห่งแนวดนตรีกันอีกต่อไปแล้ว เพราะถ้าคุณติดตามวงการเพลงมาตลอด คุณก็อาจพอที่จะมองอะไรกันออกได้อย่างชัด นั่นก็คือสโตนส์นั้นจะเป็นผู้ตามความเคลื่อนไหวของวงการเพลงกันตลอดเวลา ถ้ายุคไหนสมัยไหนที่แนวดนตรีใดดัง และถ้าวงนี้ออกแผ่นในช่วงเวลานั้น แนวดนตรีของเขาก็จะออกไปในแนวนั้น แต่เขาเป็นผู้ตามที่ดี เพราะผลงานที่เขาทำออกมานั้นมันมีพลังที่เราพอฟังกันแล้ว เราก็จะต้องพูดกันว่า เอ๋ นี่มันเป็นดิสโก้นี่, เป็นเร็กเก้นี่, เป็นนิวมิวสิคนี่ ฯลฯ แต่ในความที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น เขาก็ยังไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปสักครั้ง คือทุกแนวที่เขานำเสนอนั้น จะต้องมีความเป็นตัวของตัวเองของสโตนส์ สอดแทรกเข้าไปให้เรารู้กันอยู่เสมอ คุณลองหาวงอย่างกิ้งก่าอย่างนี้ออมาสักวงสิครับ ที่ทำดนตรีตามความดังของวงการเพลงแต่ยังมีลักษณะของตนเองออกมาอย่างเด่นชัดเช่นนี้ คุณคิดออกไหมครับ ผมว่าไม่มีนะครับ

อีกข้อที่สำคัญคือ การที่เขาสามารถที่จะแสดงอะไรบางสิ่งบางอย่างกันออกมาได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องไปนั่งแคร์เลยว่า อ้ายมนุษย์หน้าไหนมันจะคิดอะไรกับข้าเช่นไร เช่นเรื่องของการพูดถึงเรื่องเซ็กส์ ที่พอคนพูดเอ่ยปากก็เห็นลิ้นไก่กันเลย ก็วงสโตนส์นี่ล่ะครับที่ทำเช่นนั้นกันเสมอ รู้สึกเนื้อเพลงของเขาจะเสนอสิ่งที่สะท้านใจชาย สะท้านใจหญิงกันเป็นประจำกันเลยนะ คือเทปม้วนนี้ไม่มีเนื้อเพลงมาให้นะครับ แต่จากการที่ผมดูจากชื่อเพลงกันแล้ว ไปเอะใจอยู่ที่ชื่อหนึ่ง ซึ่งใจคนเขียนเชื่อเลยว่า ต้องเป็นการพูดถึงเรื่องเพศกันอีกแน่ๆเลย (เดาๆเอา เพราะบอกแล้วไม่มีเนื้อเพลง) นั่นคือเพลง She Was Hot ศัพท์คำนี้ก็เหมือนกับคำว่า I am hot ถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็ดูสุภาพดีนะผมว่า แต่เวลาแปลออกมาแล้วทำไมไม่สุภาพไปได้ก็ไม่ทราบ ก็เจ้าของภาษาเขาแปลหยาบ ผมจะมาแปลสุภาพเดี๋ยวจะกลายเป็นการทำลายรากฐานทางภาษาเขาเสียหมด ถ้าอยากรู้ว่าแปลว่าอะไร ก็ลองถามท่านผู้รู้ทางภาษากันเอาเองนะครับ เพราะทีอย่างศัพท์สี่ตัวเขาก็ยังมีเอาไว้ และก็ความหมายเดียวกันอย่างสุภาพก็มี นี่ล่ะครับ ที่ผมว่าเป็นส่วนดีส่วนหนึ่งของวงสโตนส์ เพราะถ้าคนเราอยากจะแสดงอะไรออกมาแล้วไม่กล้าที่จะแสดง เป็นเรื่องที่ผมว่าน่าอึดอัดออกจะตายไป

ในส่วนหนึ่งไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่สโตนส์นั้นไม่เคยเปลี่ยนกันเอาเลยคือดนตรีที่เขาทำออกมานั้น จะต้องมีแนวริธึ่มแอนด์บลูส์เข้าไปประสมประสานกันเข้า ถึงแม้ว่าจะน้อยลงๆก็ตาม ลองฟังดูอย่างเพลง Feel On Baby ซึ่งเป็นแนวเร็กเก้ คุณจะได้เห็นถึงโครงสร้างบางอย่าง ที่นักฟังนักเล่นนักดนตรีเร็กเก้ไม่เคยคาดคิดกัน ว่าแนวดนตรีอย่างเร็กเก้นั้นจะสามารถที่จะขยายขอบเขตออกไปเช่นนี้ได้ จนผมอดที่จะเอ่ยปากพูดออกมาไม่ได้ว่า นี่น่าจะเรียกกันได้นะว่า เร็กเก้ แอนด์ บลูส์ นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ได้พยายามที่จะฉีกออกมาเป็นส่วนๆ ให้คุณเห็นว่าดนตรีนั้นไม่มีทางหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้ ถ้าบุคคลที่เขาสร้างดนตรีขึ้นมานั้น ไม่ว่าจะเป็นนายทุน ต้องมีความใจกว้างพอที่จะยอมรับความคิดใหม่ๆกันบ้าง ไม่ใช่ว่าอะไรได้เงินข้าเอาด้วย แต่เวลาเสียผลประโยชน์ในด้านการเงิน กลับพูดว่า ข้ายังเพิ่งเริ่มเดินยังไม่พร้อมจะเสี่ยง ให้ข้ารวยก่อนแล้วข้าจะเสี่ยงให้ดู แต่ปรากฎว่า อีก 10 ปี ข้าก็ยังจน เพราะคำว่ารวยของข้าไม่มีวันพอ

นักดนตรีก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สามารถที่จะช่วยการพัฒนาและสร้างสรรค์กันออกมาได้ เพราะเขาจะเป็นคนที่รู้ว่าตัวถนัดในการเล่นดนตรีในแนวไหนที่สุดและเมื่อต้องการขยายขอบเขตกันออกไปก็จะต้องทราบกันว่าตนเองนั้นสามารถที่จะทำแนวในแบบนี้ได้เหมาะกับตนเองไหม เมื่อเล่นแล้วสามารถที่จะทำได้ดีใช่ไหม ผมคิดว่าเราไม่สมควรที่จะมีขอบเขตกันจำกัดให้กับวงใดวงหนึ่ง ตัวเองนั้นสามารถที่จะทำกันได้ไหม ถ้าทำได้ โอ.เค.ครับ ทำกันออกมาเลย นั่นล่ะครับ ถ้าเขาทำได้ดีนั่นก็คือการสร้างสรรค์ แต่ถ้าทำออกมาแล้วมันเกิดไม่ดีล่ะ เขาก็ต้องยอมรับในตนเองกันแล้วมั้งว่า ไม่มีฝีมือ อย่าไปทำมันออกมาเลย

สโตนส์ เป็นทั้งนายทุนและเป็นทั้งนักดนตรี ดังนั้นเขาสามารถที่จะทำอะไรออกมาก็ได้ และเราต้องยอมรับว่าเขาทำกันออกมาได้ดีด้วย แต่คุณจะต้องแยกให้ออกนะครับว่า นิสัยส่วนตัวอย่าไปนั่งสนใจ เราเป็นนักฟังเพลง เรารับกันแค่เพลงเป็นพอ ถ้าคิดได้เช่นนั้น คุณอาจฟังเพลงของสโตนส์ได้ในฐานะนักฟังที่ดี ไม่ได้ติดในรูปแบบอะไร เพราะเพลงนั้นก็คือเพลงอยู่วันยังค่ำ เพียงแต่ว่าคุณจะรับเอารูปแบบเช่นไรของเขามาเท่านั้น

ถ้ากิ้งก่าเป็นสิ่งที่คนทั้งหลายว่ากันเอาไว้ว่า มันสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสีของตัวเองเพื่อการอยู่รอด สโตนส์ก็ได้พิสูจน์ออกมาแล้วว่านี่เป็นธรรมชาติแห่งการอยู่รอด ถ้าสิ่งมีชีวิตต้องการที่จะมีชีวิตกันต่อไป ก็จะต้องดิ้นกันต่อไป

ในเมื่อชีวิตเกิดขึ้นมาแล้ว ถึงจะรู้ว่าการมีชื่อเสียงเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่การมีชื่อเสียงก็ยังดีกว่าการไร้ชื่อเสียงไปตราบชั่วชีวิต และโดยเฉพาะสโตนส์ เขามีชื่อเสียง ดังนั้นเขาจะต้องรักษามันเอาไว้ เพราะเมื่อไรที่เขาพลาด มีคนเป็นจำนวนมากพร้อมที่จะเหยียบเขา เพื่ออาศัยบ่าของเขาเป็นการผลักดันตนเองให้ดังขึ้นมา

และถ้ากิ้งก่าเป็นสิ่งที่หลายคนคิดว่าเมื่อมันได้ทองแล้วมันจองหอง สโตนส์ก็ได้ทำให้เห็นแล้วว่ากิ้งก่านั้นสมควรที่จะจองหองไหม แล้วเมือ่ไหรล่ะครับ ที่จะมีใครอาจหาญพอที่จะถอดเอาทองที่แขวนอยู่บนคอกิ้งก่าตัวนี้ ถ้าเขาทำผลงานออกมาในแบบสมควรจะได้รับรางวัลที่สวมปลอกคอทองเช่นนี้

"ศักดิ์ศรีของกิ้งก่า"

SP 186

No comments:

Post a Comment