จำได้ไหมครับในช่วง Addition ผมยกย่องให้ชุดนี้เป็นหนึ่งในแผ่นที่ดีที่สุดในรอบปี ในจำนวนเจ็ดแผ่นที่ยังไม่เคยได้นำมาเขียนถึงเลย ไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้นำแผ่นนี้มาพูด แต่เมื่อมีโอกาสจะได้พูดกันให้ชัดแจ้งกัน
ตามความจริง Men At Work ไม่ใช่วงที่มีฝีมือดีเด่นเฉพาะตัวบุคคลดีเด่นอะไรมากมายนัก จากการฟังในแผ่น แต่เมื่อได้รวมความสามารถเฉพาะตัวเข้าเป็นทีมเวอร์ค พวกเขาสามารถจะหล่อหลอมคุณสมบัติเฉพาะตัวของสมาชิกให้เข้าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ก็คล้ายๆนิทานสุภาษิตที่ว่า สามัคคีคือพลัง อะไรพวกนี้ล่ะครับ
แต่คิดว่า พวกเขามีอยู่สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากเลย นั่นก็คือความคิดสร้างสรรค์ ดนตรีของเขาเป็นดนตรีที่มีช่วงจังหวะจะโคนผิดกับวงอื่นในด้านช่วงจังหวะและความมีอารมณ์ขันในเสียงเพลง และการสอดแทรกดนตรีที่เป็นองค์ประกอบเข้าไปได้ถูกจังหวะเอามากๆทีเดียว เช่นการสอดเสียงแซ็กโซโฟนเข้าไปในเพลง Who Can It Be Now? หรือการใช้เสียงฟลุตลงไปในเพลง Down Under เป็นต้น ประกอบกับการที่สมาชิกผู้เล่นแต่ละคนรู้จักหน้าที่ของตนเองดี แม้กระทั่งกีต้าร์ก็จะออกแนวการเล่นเป็นริธึ่มมากกว่าการเล่นลีด รวมทั้งนักร้องที่มีโทนเสียง (ส่วนมาก Colin Hay เป็นผู้ร้อง คนอื่นช่วยเสริมให้อีกทีหนึ่ง) ค่อนข้างแปร่งในน้ำเสียง ซึ่งแตกต่างจากนักร้องอังกฤษหรืออเมริกาที่เราฟังกันมานักต่อนักแล้ว นี่เป็นส่วนดีของการที่เป็นคนออสเตรเลีย ที่ผมคิดว่าเขาไม่พยายามทำน้ำเสียงออกมาให้เป็นแบบคนในทวีปยุโรปหรืออเมริกา ในแบบที่นักร้องรุ่นพี่ๆที่มาจากออสเตรเลียอันเป็นสถานที่เดียวกันได้เคยกระทำมาแล้ว
การมีอารมณ์ขัน ส่วนมากจะสอดแทรกเข้าไปในเนื้อเพลงอย่างเช่นเพลง Who Can It Be Now? คล้ายๆเป็นการเยาะเย้ยตนเองด้วยอารมณ์ขัน หรือที่ภาษาไทยแบบชาวบ้านเรียกว่าตลกร้าย สำหรับพวกเขาเอง เสมือนการพูดถึงพวกเขาเองตอนที่ยังยากจนตกยากอะไรพวกนี้ แม้กระทั่งชื่อวงก็ฟังดูแล้วคล้ายกับว่าตัวของเขาเอง "พวกคนทำงาน" เรียกให้สละสวยอาจจะเรียกได้ว่า "กรรมกร" (Men At Work) หรืออย่างเพลง Be Good Johnny ที่พวกเขาบอกเองว่าต้งใจล้อเพลง Johnny Be Good ในด้านชื่อเพลง ก็คงจะจริงของเขา เพราะเนื้อเพลงไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย
มีหลายสิ่งหลายอย่างในวงๆนี้ที่ทำให้ผมประทับใจ ลักษณะที่สำคัญที่สุดก็คือความเป็นตัวของตัวเอง Men At Work มีลักษณะเช่นนี้เต็มเปี่ยม ดนตรีร็อคธรรมดาๆ ถ้าตั้งใจทำกันจริงๆโดยไม่เกร็งแล้ว ก็จะกลายเป็นดนตรีที่วิเศษมากเลยอย่างที่ Men At Work กำลังทำอยู่นี้ แนวแฝงก็มีอย่างเพลง Down Under (ที่ค่อนข้างเด่นชัดกว่าเพลงอื่นๆ) ซึ่งเป็นเร็กเก้ แต่เป็นเร็กเก้ในแบบฉบับของตัวเอง หรือเป็นเร็กเก้ที่ไม่เหมือนใครหรือไม่มีใครเหมือน ต่อให้ Police ที่ได้ชื่อว่าเล่นเร็กเก้ร็อคเก่งๆ ถ้าให้ฟังเพลงเร็กเก้ในแบบของวงนี้ ก็คงต้องยอมรับในฝีมือแน่ๆ)
กว่า Men At Work จะดังขึ้นมาได้ในเช่นปัจจุบันนี้ใช้เวลานานเหลือเกิน เพระแผ่นชุดนี้รู้สึกว่าจะเป็นชุดแรกของพวกเขา ไม่ใช่การโด่งดังขึ้นมาข้ามวันข้ามคืน สมกับคำที่ว่า อเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาสจริงๆ สำหรับคนที่มีความสามารถแต่ต้องวงเล็บไว้ว่าก็ต่อเมื่อคนอเมริกามองเห็นถึงความสามารถของพวกเขา ปัจจุบันอเมริกามองเห็นความสามารถของพวกเขาแล้ว ปัญหาขั้นต่อไปของพวกเขาซึ่งก็คงจะน่ากลัวมากคือ พวกเขาจะเกิดอาการเกร็งกันหรือเปล่า แผ่นชุดต่อไปของพวกเขาต้องขายดีแน่ๆ แต่จะสามารถประทับใจคนฟังได้เหมือนแผ่นนี้หรือเปล่าเท่านั้นเอง
สำหรับผู้ที่ชอบเก็บรวบรวมสถิติ จะบอกสถิติที่น่ากลัวของพวกเขา ถ้าพวกเขาทำได้ ขื่อของพวกเขาจะถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์วงการเพลงทันที ในขณะที่เขียนอยู่นี้วงนี้ติดอันดับ 1 มา 12 สัปดาห์แล้ว และยังคงอยู่ในวงขาวด้วย ถ้าพวกเขาสามารถติดอันดับ 1 ได้ถึง 14 สัปดาห์ เขาจะทำลายสถิติที่วง The Monkees ซึ่งทำสถิติเอาไว้ 13 สัปดาห์ สำหรับอันดับ 1 ของศิลปินที่มีแผ่นออกมาชุดแรก และผมคิดว่าวงนี้จะทำได้สำเร็จ ถึงทำไม่สำเร็จก็ขอบอกให้คุณคิดสักนิดว่า ทางขึ้นอันดับ 1 ในอดีตกับในปัจจุบันยากกว่ากันเยอะ และขอให้จำไว้ว่าวงนี้ไม่ได้ถูกโปรโมตแบบวง The Monkees ขวัญใจวัยรุ่นนะครับ
แผ่นนี้ผมชมเชยไว้อย่างมาก ให้เป็นแผ่นแรกที่ให้ถึง 6 ดาว (คลาสสิค ดูความหมายได้จากช่วง Addition) ในสายตาของผมก็อยากจะขอรับรองไว้ว่า แผ่นนี้คุ้มเงินทุกบาททุกสตางค์ (หน้าปกเป็นเทป แต่ผมมีแผ่นอยู่ในมือนะครับ ) เวลาที่ได้เขียนถึงแผ่นดีๆ เฮ้อ ชื่นใจจริงๆ
อ้อ ที่ไม่บอกประวัติของพวกเขา เพราะคิดว่าป่านนี้คุณคงจะรู้จักพวกเขาดีแล้ว เห็นแผ่นนี้มีขายในเมืองไทยแล้วนะครับ นานแล้วด้วย และกำลังขายดีมากด้วย อาจจะติดแผ่นขายดีของไทยในรอบปีนี้ก็ได้ (อย่างที่เขียนลงใน Addition ฉบับที่แล้ว) เห็นติดราคากัน 380 อย่างต่ำ ไม่อยากบอกว่าแพงเลย แต่ต้องบอกว่าแพงครับ ถ้าเทียบตามราคาจากนอก แต่คิดว่าตอนนี้ราคาแผ่นเสียงในเมืองไทยปัจจุบันก็ราคาขนาดนี้ (ถ้าคุณทำใจเรื่องราคาได้) แผ่นนี้ก็คุ้มเงินครับ แผ่นของผมเป็นแผ่นออสเตรเลียนะครับ หน้าปกถึงเป็นสีขาว แผ่นอเมริการู้สึกว่าหน้าปกจะเหลืองครับ
แนวดนตรี - ร็อค
Producer - Peter McLan
SP 176
SP 176
No comments:
Post a Comment