แนวดนตรี - Rock & Ballad Jazz
Producers - Harvey Mason, Lee Ritenour
ผมไม่มีโอกาสไปชมการแสดงของ Lee เลย ติดธุระอยู่เรื่อย แต่เห็นทุกคนที่มีโอกาสได้ชมก็ชมเชยกันทั้งนั้น ก็แสดงว่า Lee นั้นมืออาชีพ อันที่จริงผมก็ยอมรับเขามานานแล้วว่าเขามืออาชีพ แต่ก็มีโอกาสแค่ฟังจากแผ่นเท่านั้น แต่กล้าพูดว่าผมรู้จักเขามานาน ก่อนที่เขาจะมาเปิดการแสดงในบ้านเราก็แล้วกัน ถ้าจำไม่ผิดเขาดังในเมืองไทยจากชุด Rit แต่ชุด Rio (ใช่หรือเปล่าไม่ทราบ ไม่ได้ค้น อาศัยความจำเอา) อันเป็นชุดต่อมาพังในเมืองนอก และชุดนี้เขาก็เริ่มได้รับความนิยมขึ้นมาอีกหนหนึ่ง
ฟังผลงานชิ้นนี้แล้วก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นศิลปินที่มีความสามารถมีไอเดียมีความคิดสร้างสรรค์ แต่เขาขาดไปอย่างหนึ่งนะครับในความคิดของผม เขาขาดลักษณะอันแท้จริงของแนวดนตรี Movement ของเพลงส่วนมากเป็นป๊อบที่แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งเกินไป โดยแนวดนตรีที่แท้จริงถูกกลืนหายเข้าไปการทำเพลงให้ฮิตติดหูคนเช่นนั้นแหละ
หลายคนบอกว่าแนวดนตรีของเขาคือแจ๊ส ผลงานชุดก่อนๆอาจใช่ แต่คงจะไม่ใช่ชุดนี้แน่ เพราะมีป๊อบเป็นหลักอย่างที่บอก แจ๊สก็มีแต่กลายพันธุ์มากไปหน่อยนะ ร็อคก็พอมี แต่แนวที่เด่นมากที่สุดก็คือ ร็อค บัลลาด หูของผมบอกสมองผมว่าเป็นเช่นนั้นนะ แต่เอาเถอะ ถึงจะเป็นเช่นไรในแนวดนตรี แต่ผลงานชิ้นนี้ก็จัดว่าอยู่ในขั้นดีทีเดียว
ในตอนนี้เป็นที่น่าแปลกใจอย่าง คือ ดนตรีแจ๊สมีโครงสร้างเช่นไรแน่ ไม่เหมือนในสมัยเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว คือพอฟังปุ๊บก็รู้กันเลยว่านี่คือแจ๊ส แต่ปัจจุบันเป็นเรื่องยากไม่น้อยทีเดียว น่าสงสารเด็กรุ่นใหม่ๆจะรู้จักแต่เพลงแจ๊สกลายพันธุ์ เพลงอย่างในสมัย หลุยส์ อาร์มสตรอง, เฟรด แอสแตร์ ฯลฯ ตายไปไหนหมดไม่ทราบ ผมก็บ่นไปอย่างนั้นล่ะครับ เพราะอยากบอกอะไรให้นักฟังรุ่นใหม่ๆทราบว่า การเป็นศิลปินเดี่ยวกับการเป็นศิลปินเป็นวงมันต่างกัน
ในเวลาแสดงสดกับการฟังเพลงในแผ่นมันต่างกัน เพราะในเวลาแสดงสดถ้านักดนตรีแบ็คอัพรู้หน้าที่ เขาจะคอยอยู่สนับสนุนให้เท่านั้น เช่นเดียวกับการแสดงของ Lee ตามที่ได้อ่านมาจากผู้เขียนหลายๆคน แต่ในเวลาฟังแผ่นเราไม่สามารถรับประสาทสัมผัสทางตาได้ ความยากของศิลปินเดี่ยวจึงต่างกัน เขาต้องเพิ่มลักษณะเด่นของตัวเองให้มากขึ้น ผมว่าจากการฟังด้วยเทป รับประสาทสัมผัสทางหู Lee ขาดคุณสมบัตินี้ไป นี่ในแง่ของความเป็นศิลปินเดี่ยวนะครับ แต่ในด้านดนตรีนั้นจัดว่าดีมาก ที่พูดนี่หมายถึงเพลงในหน้าแรก เพราะเป็นดนตรีที่มีการร้องไมม่ใช่แบบ instrumental (บรรเลง)
แต่นี่ไม่ใช่จุดใหญ่นักหรอกครับ แต่ที่เขียนมานี่เพื่อให้คุณรู้จักหลักการสังเกตเท่านั้น คือถ้าคุณอ่านไม่ถ่องแท้ ก็อาจจะคล้ายๆการตี แต่ที่จริงไม่ใช่ ก็อย่างที่บอกแล้ว ผมไม่ต้องการบรรยายเพลง แต่ผมต้องการให้คุณเป็นนักฟังที่ดี ดังนั้นมันเป็นเรื่องยาก จึงต้องออกตัวไว้ก่อนเสมอ ถ้าคุณเข้าใจและช่างสังเกต คุณจะพัฒนาการฟังดนตรีของคุณไปอีกไกล
ลองเปรียบเทียบหน้าหนึ่งกับหน้าสองของผลงานชุดนี้นะครับ ว่าต่างกันอย่างไรในอัตตาของความเป็นศิลปินเดี่ยว
จัดว่าอยู่ในขั้นดีทีเดียว ผลงานชิ้นนี้ แทบจะเหมาะกับนักฟังเพลงทุกประเภืนอกจากนักฟังเพลงประเภทซีเรียส (หวังว่าคงเข้าใจ) อาจจะไม่ชอบนัก เพราะดนตรีหนักไปด้านความไพเราะเป็นหลักของ Melody มากกว่าพื้นฐานของลูกเล่นแห่งดนตรี
SP 175
SP 175
No comments:
Post a Comment