ก่อนที่จะเขียนต้องขอโทษก่อนนะครับที่นำแผ่นนี้มาแนะนำล่าช้าไปเกือบ 2 ปี (แผ่นนี้ออกปี 1980) ซึ่งในปัจจุบัน MSG ออกแผ่นไปแล้ว 4 ชุด จะเรียกว่า 4 ชุดก็ไม่เต็มปากเต็มคำนักหรอก เพราะผลงานชุดที่สองของเขาคือ Cry For The Nations มีเพียง 3 เพลงและเล่นด้วยสปีด 45 เป็นการนำเพลง Cry For The Nations จากแผ่นนี้เข้าไปใส่ และมีเพลงแสดงสดแถมให้อีกสองเพลงและออกเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ชุด MSG อันเป็นชุดที่ 3 (หรือชุดที่ 2 ซึ่งออกจำหน่ายทั่วโลก) ก็ประสบความล้มเหลวเมื่อนำมาเทียบกับชุดแรกในแง่ของยอดการขาย ส่วนชุดที่ 4 (ออกเฉพาะที่ญี่ปุ่น) ก็เป็นแผ่นแสดงสด รู้สึกว่าคนเมืองไทยจะให้การต้อนรับวงนี้กันอย่างเหนียวแน่น เพราะชุดการแสดงสดในเมืองไทยขายตั้ง 680-700 บาท เห็นสั่งเข้ามาขายกี่ชุดๆก็หมด สำหรับผมเห็นท่าจะซื้อไม่ลงล่ะครับ ราคาแพงมหาโหดมาก เมื่อเทียบกับฐานะของผม แต่ผมก็อยากได้นะครับ นี่เป็นจุดอ่อนของนักเล่นแผ่นเสียงที่มีฐานะปานกลางเช่นผม แต่ก็มีโอกาสได้ฟังแล้ว และก็มีแฟนคอลัมน์บางคนอุตส่าห์เขียนจดหมายมาคุยถึงแผ่นการแสดงสดว่าไม่ดีเด่นเท่าที่ควร
ตอนนี้มาพูดถึงแผ่นนี้กันดีกว่า MSG ในแผ่นนี้มีสมาชิกจริงๆแค่ 2 คน คือ Michael Schenker (ของตายอยู่แล้ว) เล่นกีต้าร์ และ Gary Barden ร้องนำ ส่วนสมาชิกสมทบหรือรับเชิญนั้นเนื่องจากยังมีข้อผูกพันในฐานะอยู่ต่างสังกัดของบริษัทแผ่นเสียงเป็นปัญหาสำคัญ แต่พอออกแผ่นชุด MSG ก็มีการเปลี่ยนสมาชิกกันอีกครั้ง
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Michael Schenker ถึงลาออกจาก UFO เพราะตามความคิดของผม UFO เป็นวงที่ขัดขวางความสามารถของเขา UFO นั้นรับอิทธิพลของดนตรีเฮฟวี่ของขาวอเมริกาเข้าไปมาก ซึ่งแตกต่างกับสมัยแรกของ UFO ที่เป็นวงเฮฟวี่ในแนวของชาวยุโรปหรือพูดง่ายๆว่าเล่นเฮฟวี่สไตล์คนอังกฤษซึ่งแตกต่างมากระหว่างคนอังกฤษกับคนอเมริกา ในรูปแบบดนตรีเฮฟวี่ดนตรีเฮฟวี่ของคนอังกฤษเป็นดนตรีหนักๆในแบบที่คนไทยชอบหรือแบบชุดนี้ล่ะครับ ส่วนดนตรีเฮฟวี่ของคนอเมริกาแล้วจริงๆไม่มี ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะแย้งว่า Grand Funk ไง ถึงวงนี้จะเป็นชาวอเมริกา แต่เล่นดนตรีแบบคนอังกฤษ ถ้าจะพูดง่ายๆก็คือดนตรีเฮฟวี่ของคนอเมริกาเป็นแบบเฮฟวี่ป๊อบนะครับ ไม่ใช่เฮฟวี่ร็อค ดนตรีเฮฟวี่ของอเมริกาเอาตลาดเป็นสำคัญ
ผมว่า Michael Schenker คิดถูกแล้วที่ลาออกจาก UFO และชุดนี้ของเขาก็แสดงออกมาให้เห็นว่าเขามีพลังและไฟของดนตรีเฮฟวี่แน่นอยู่เต็มเปี่ยมในสายเลือดของเขา มีอยู่หลายเพลงไม่ใช่เพลงที่ดีเด่นเลยแต่เป็นเพลงที่เหมาะสมกับการแสดงสดของดนตรีเฮฟวี่มาก เพราะสามารถเปิดช่องว่างให้แสดงความสามารถเฉพาะบุคคลออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่ง UFO ในปัจจุบันไม่มีลักษณะเข่นนี้อยู่เลย
ต่อมาเราจะพูดถึงความสามารถของนักดนตรีของวงนี้ซึ่งจะพูดเฉพาะ Gary Barden ซึ่งเป็นนักร้องนำ ไม่ทราบว่าคุณๆที่ฟังจะมีความรู้สึกเหมือนผมไหมเมื่อได้ฟังเสียงและการประพันธ์เพลงของเขาว่าเหมือนกับ Ronnie James Dio นักร้องนำคณะ Black Sabbath (อดีต Rainbow) ผมว่านักร้องเฮฟวี่รุ่นใหม่ๆนี้ก็มี 2 คนนี้ล่ะครับที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน เขาทั้งคู่สามารถร้องเพลงเฮฟวี่ในแบบรุนแรงให้คนฟังมีความรู้สึกว่าเพลงไหนทรงพลังขนาดไหน และเขาทั้งคู่ก็สามารถปรับระดับเสียงให้มาร้องเพลงเฮฟวี่หวานๆได้โดยไม่ทำให้คนฟังรู้สึกแปร่งหู มีไม่กี่คนล่ะครับที่ทำได้เช่นนี้ ผมพูดถึงนักร้องเฮฟวี่รุ่นใหม่ๆนะครับ อย่านำไปเทียบกับ Ozzy Osbourne, Ian Gillan อะไรพวกนี้ เพราะพวกนี้ฝีมือเขาประจักษ์มานานแล้ว ถ้าไฟในตัวของ Gary ยังไม่หมดไปในระยะเวลาอันสั้นนี้ เขาจะเป็นนักร้องเพลงเฮฟวี่อีกคนหนึ่งที่วงต่างๆต้องการตัวกันมาก เข่่น Ronnie เมื่อออกจาก Rainbow (โดนไล่ออก) ก็ได้จังหวะเข้ากับวง Black Sabbath พอดี หรือ Paul Rodgers นักร้องนำคณะ Bad Co. ตอน Free แตกวงกัน Deep Purple เคยติดต่อเขามาเป็นนักร้องนำ แต่เขาปฏิเสธและก่อตั้ง Bad Co. จนโด่งดังถึงขนาดนี้ไงครับ ถ้าคนมีฝีมือเสียอย่างยังไงคนก็ต้องการอยู่ดี และ Gary อาจมีโอกาสเป็นเช่นศิลปินรุ่นพี่พวกนี้แน่ๆ เพราะระดับเสียงของเขายอดเยี่ยมจริงๆ
เพลงต่างๆในชุดนี้จัดอยู่ในขั้นดีหลายเพลง และอีกข้อหนึ่งที่เยี่ยมมากก็คือ Michael Schenker นั้นไม่ได้แย่งความเด่นไปครองเพียงคนเดียว แม้ว่าทุกเพลงจะเปิดช่องว่างให้เขา แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความเป็นเอกออกมาอย่างออกหน้าออกตา ยกเว้นเพลง Into The Arena อันเป็นเพลงบรรเลงที่ผมว่าเขาแสดงความสามารถทางกีต้าร์อออกมามากที่สุด เพลงนี้เขาเล่นกีต้าร์หลายลีลาและถ้าคิดว่าจะเล่นเพลงนี้กันจริงๆแล้วยากมากครับ ต้องอาศับความไวของนิ้วมากเลยครับ นอกนั้นก็คือการเปลี่ยนจังหวะในทันทีทันควัน แต่ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเพราะเบสกับกลองไม่ได้เปลี่ยนตามในทันทีทันควัน แต่ค่อยๆเปลี่ยน ซึ่งแตกต่างกับเพลง Bejou Pleasurette มาก (เพลงบรรเลง) เพลงนี้รู้สึกว่าจะมีการอัดทับนะครับ (แต่ตามความเห็นของผมว่าทุกเพลงในแผ่นนี้มีการอัดทับ) เพราะเสียงกีต้าร์ของเพลงนี้มีสองตัว ตัวแรกเป็นอคูสติกกีต้าร์ ซึ่งเล่นในแบบกีต้าร์ฟลามิงโก (แต่ถ้าจะพูดว่าเป็นกีต้าร์ฟลามิงโกแท้ๆแล้วผมว่าเขายังเล่นไม่เข้าท่าเลย เอาเป็นว่าในแบบฟลามิงโกลูกผสมก็แล้วกันนะครับ) กับกีต้าร์ไฟฟ้าซึ่งเป็นกีต้าร์รองแต่มีความสำคัญมาก เพราะทำให้เพลงนี้ดูอ่อนนุ่มแต่ก็เข้มแข็งในแบบเพลงเฮฟวี่นะครับ
เพลง Cry For The Nations ผมชอบการอินโทรกีต้าร์ของ Michael มาก อ่อนนุ่มแต่พอบทจะเปลี่ยนลีลาก็ทันทีทันควันเหมือนกัน แต่ไม่เสียความรู้สึกเลย แนวดนตรีเหมือน Deep Purple ชุด Machine Head มาก การเล่นกีต้าร์ในแบบ Ritchie Blackmore หรือการร้องในแบบ Ian Gillan (เครื่องดนตรีอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงเพราะคุมจังหวะลูกเดียว) ลองฟังตอนท่อนโซโล มีลักษณะของเพลง Picture Of Home มาก การลากเสียงกีต้าร์สวนด้วยการร้องเช่นนี้ Deep Purple เราดีๆนี่เอง แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกครับ Roger Glover เป็นโปรดิวเซอร์ นี่ที่จริงเขาเป็นศิลปินคนหนึ่งที่น่าพูดถึงมาก แต่เอาไว้คราวหลังดีกว่าเพราะเดี๋ยวข้อเขียนจะยาวเกินไป
เพลง Armes And Ready ที่จริงเพลงนี้เป็นเพลงเฮฟวี่ที่หาฟังได้ทั่วๆไป แต่มีจุดหนึ่งที่น่าพูดถึงมากคือ แนวดนตรีในแบบเพลงนี้ล่ะครับที่เขาเรียกว่าสร้างดนตรีขึ้นมาเพื่อการแสดงสด เพลงนี้ถ้านำไปแสดงสดจริงๆสามารถขยายขอบเขตไปได้ยาวมาก แต่ก็รู้สึกว่า MSG จะไม่ทำนะครับ เวลาแสดงสด (จากแผ่น Live) วงที่ชอบขยายเพลงออกไปเวลาแสดงสดก็มี Deep, Mountain, Rainbow
เพลง Tales Of Mystery เพลงเฮฟวี่หวานๆอย่างนี้ล่ะครับที่คนไทยชอบ มันก็สมควรจะชอบ เพราะฟังดูแล้วนุ่มหูแต่มันในอารมณ์ดีพิลึก ตอนฟังครั้งแรกก็นึกแล้วว่าเพลงต้องดังในเมืองไทย ซึ่งก็ดังจริงๆ ถึงแม้จะไม่ระเบิดแบบเพลงดังทั่วๆไปแต่ก็ถูกหูคนฟังมาก ที่จริงเพลงแบบนี้ก็เป็นเพลงเฮฟวี่ที่ซ้ำซากจำเจมาก แต่พวกนักดนตรีเฮฟวี่ในเมืองนอกเขาชอบเล่นกันมากในการสร้างชื่อให้กับตัวเอง ไมว่าจะเป็นรุ่นเก่าเช่น Deep หรือรุ่นพี่เช่น Judas Priest เช่นเพลง Before The Dawn UFO ก็มีเพลงเช่นนี้ และแนวเช่นนี้เป็นแนวถนัดของ Michael Schenker ด้วย จึงทำได้ดีเป็นพิเศษ
เพลง Lost Horizons สำหรับเพลงนี้ผมขอเรียกว่าเฮฟวี่ชั้นดีเลยครับ ไม่มีคำว่าออกนอกลู่นอกทางเลย นักดนตรีแต่ละคนรู้จักหน้าที่ของตน และต้องเล่นด้วยวิญญาณของนักดนตรีชาวเฮฟวี่จริงๆ เพลงถึงดีเข่นนี้ได้ ทั้งๆที่เล่นคอร์ดกีต้าร์ไม่กี่คอร์ด (ไม่นับช่วงโซโล) ก็ยังทำให้คนฟังสนุกขึ้นมาได้ เยี่ยมครับเยี่ยม
เพลงอื่นๆนอกจากนี้ ก็ยังงั้นๆ ไม่ต้องไปพูดถึงก็ได้ สำหรับผมแล้วเพลงที่ไม่ได้เขียนถึง เป็นเพลงที่ถูกจับยัดลงมาให้ครบแผ่นเท่านั้นเอง ซึ่งศิลปินในปัจจุบันมักจะจับเพลงยัดให้เต็มแผ่นเสมอไม่ว่าจะเป็นวงไหน
แผ่นนี้สังกัด Chrysalis ปัจจุบันยังคงหาซื้อได้ ราคาประมาณ 170-220 บาท มีเนื้อร้องให้ด้วย
อ้อ เกือบลืมบอกไป สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างในแผ่นนี้ก็คือหน้าปกแผ่นเสียง เป็นรูป Michael ทำการวัดคลื่นสมอง แต่ด้านหลังแผ่นเป็นรูปเขาและกีต้าร์อยู่ในเครื่องวัด แสดงให้เห็นว่าทั้งร่างกายและจิตใจของเขานั้นมีแต่กีต้าร์เท่านั้น ไอเดียดีจริงๆ เป็นผลงานของ Hipgnosis (ผมเห็นเขาออกแบบปกแผ่นเสียงของศิลปินเฮฟวี่มาหลายรายแล้ว เยี่ยมจัง)
SP 167
SP 167
No comments:
Post a Comment