The Cars :: Shake It Up (1981)

เมื่อนิวเวฟดังใหม่ๆ ถ้าตอนนั้นมีใครมาถามผมว่านิวเวฟวงไหนที่น่าสนใจที่สุด ผมก็จะตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดว่า The Cars แต่ในปัจจุบันถ้ามีใครมาถามอีก ผมก็คงจะต้องคิดและก็ตอบอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจว่าน่าจะเป็นวง XTC วงนิวเวฟที่เล่นได้เสมอต้นเสมอปลายที่สุด อ้าว! แล้ว The Cars หายไปไหน ถ้าคุณอ่านไปเรื่อยๆก็จะรู้ว่าทำไมวงนี้ถึงหลุดไปจากหัวใจผม

เมื่อตอนที่วงนี้เริ่มตั้งวงใหม่ๆ แผ่นชุดแรกของเขาโด่งดังมากทั่วโลก และก็ฮิตมาถึงเมืองไทยด้วยในหมู่นักนิยมเพลงจริงๆที่ไม่ใช่ฟังเพลงเป็นแฟชั่น สำหรับวงนี้ผมมีความคิดเห็นเหมือนนักวิจารณ์เมืองนอกในตอนที่แผ่นชุดแรกออกมานะครับ นักวิจารณ์เมืองนอกเขาบอกว่าดนตรีของวงนี้คือแนวดนตรีสำหรับดนตรีในอนาคตที่เหมาะสำหรับคนฟังในปัจจุบัน ซึ่งถูกครับ แนวดนตรีของวงนี้ในแผ่นแรกก็คือแนวดนตรีโพรเกรสซีฟผสมป๊อบและก็ได้เสียงร้องของริค ออร์คาเซ็ค ซึ่งเสียงของเขาไม่เห็นจะเหมาะจะเป็นนักร้องเลย คือเสียงเขาไม่เพราะแต่พอมารวมกับแนวดนตรีของวงนี้ทำให้ดนตรีของวงนี้วิเศษมาก มีจุดยืนที่แน่นอน ที่แนวดนตรีของวงร่วมสมัยอาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ พอชุดที่สองออกมาเปรียบเสมือนน้ำนิ่งที่อยู่กับที่ ชื่อเสียงเก่าช่วยพยุงให้พอมีชื่อเสียงเหมือนเดิม และ Candy-O ก็มีคุณภาพเพียงพอเทียบเท่าได้กับแผ่นชุดแรก ถึงจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ก็ตาม แต่พอถึงแผ่นชุดที่สามคือ Panorama จะเห็นได้ว่าดนตรีเริ่มสลับซับซ้อนมากขึ้น เพลงฟังยากขึ้น คนฟังเริ่มไม่พอใจแนวดนตรีของวงนี้ แต่แผ่นชุดที่สามนี้ยังขายดี เพราะชื่อเสียงเก่าพยุงไว้ ผมก็คิดว่าวงนี้คงจะเริ่มรู้สึกว่าคนฟังเริ่มตามแนวดนตรีของเขาไม่ทันแล้ว แผ่นชุดที่สามแทบจะไม่มีแนวเพลงที่วนเวียนอยู่กับความรักความใคร่เลย เนื้อหาทางด้านดนตรีหนักมาก นี่อาจเป็นเหตุที่ทำให้คนฟังตามแนวดนตรีของพวกเขาไม่ทัน ดังนั้นแผ่นชุดที่สี่จึงต้องมีการหยุดยั้งรอคนฟังก่อน และจะต้องไม่หยุดอยู่กับที่เหมือนกับชุดที่ 1-2 และจะต้องไม่ยากจนคนฟังรับไม่ได้เหมือนชุดที่ 3 และแผ่น Shake It Up นี่เองที่นำความผิดหวังมาหาผมมากมายเลย

ส่วนมากผมจะเล่าประวัติท้าวความให้ฟัง เพราะต้องการให้นักฟังเพลงรุ่นใหม่ๆที่เริ่มสนใจเพลงรู้จักแนวดนตรีของวงต่างๆที่แนะนำก่อน ไม่ใช่พอพูดถึงแผ่นใหม่ ก็เริ่มพูดถึงแผ่นนั้นเลย จะทำให้คนที่ไม่รู้จักวงนั้นไม่มีทางจะรู้จักแนวดนตรีได้เลย ความคิดเห็นต่างๆที่ใส่ลงไปในแผ่นต่างๆเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนผม

แผ่นนี้กล้าพูดได้ว่าก้าวเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แต่ถ้าวถอยหลังกลับมาสามก้าว การที่บอกว่าก้าวเดินหน้าไปก้าวหนึ่งคือดนตรีของเขาสามารถเข้าถึงตลาดคนฟังได้ง่าย เพลงเหมาะสำหรับนักฟังเพลงเพื่อการพักผ่อนจริงๆ ซึ่งสามแผ่นแรกไม่มีแนวดนตรีเช่นนี้อยู่เลยในการทำเพลงให้ติดหูคนฟัง แม้ว่าแผ่นแรกจะมีเพลงดังมากอยู่หลายเพลง เช่น My Best Friend's Girl แต่อย่าลืมว่าช่วงนั้นนิวเวฟกำลังรุ่งเรือง นั่นคือก้าวหน้าของวงนี้ในการทำเพลงให้เข้าถึงคนฟังได้มากขึ้น และก็ส่งผลให้แผ่นนี้ขายดี ตอนที่เขียนอยู่นี้แผ่นนี้ติดอันดับ 14 ของนิตยสารแคชบอกซ์ประจำเดือนมีนาคม วันที่ 20 ปีนี้ แต่ที่บอกว่าก้าวถอยหลังมาสามก้าว คือ หนึ่ง ไม่มีแนวดนตรีของ The Cars คือถ้าแผ่นนี้ไม่มีเสียงร้องของริคแล้ว ผมคงจำแนวดนตรีของเขาไม่ได้เลย สอง ดนตรีขาดความเป็นตัวของตัวเอง ลองฟังเพลง Could Be Love สิครับ ถ้าคุณชอบเพลงในแนวอีเล็คโทรนิคร็อคคุณจะอยากรู้ว่าใครเล่นเพลงนี้ ซึ่งก็คือ แกรี่ นูแมน เหมือนกันมากเลยแม้กระทั่งเสียงร้องของริคยังพยายามดัดให้คล้ายกับเสียงของแกรี่ ไม่ทราบว่าตั้งใจหรือบังเอิญ แต่บอกจริงๆว่าแนวดนตรียังสู้แกรี่ไม่ได้ในทุกๆด้าน (เทียบเฉพาะเพลงนี้นะครับ) สาม แนวดนตรีของวงนี้ในปัจจุบันไม่ใช่ดนตรีในอนาคตสำหรับคนฟังในปัจจุบันแล้ว แต่เป็นแนวดนตรีในอดีตที่มีคนเล่นกันมาก่อนนานแล้ว สำหรับคนฟังในปัจจุบัน

ทั้งสามตัวอย่างนี้คือการขาดความเป็นตัวของตัวเอง บอกจริงๆว่าเสียดายวงที่มีฝีมือดีเช่นนี้ ทั้งๆที่เขาได้สร้างดนตรีอันเป็นแบบฉบับของตัวเองขึ้นมาแล้ว แนวดนตรีเคยเป็นผู้นำ ไม่เคยเป็นผู้ตาม

เพลงเด่นๆในแผ่นนี้ มีแค่สองเพลงเท่านั้นที่คุณรู้จักกันดีอยู่แล้ว คือ Shake It Up ซึ่งเป็นเพลงที่มีคุณค่าพอจะเป็นชื่อแผ่น มีท่วงทำนองร็อคสมัยเก่าๆ แต่นำมาเพิ่มการเล่นด้วยเครื่องอีเล็คโทรนิคมากขึ้น นี่เป็นอีกเพลงที่แสดงให้เห็นว่าเริ่มจะก้าวหน้า เพลง I'm Not The One เป็นเพลงช้าๆที่วิเศษมาก และเสียงของริคดีเด่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในแนวดนตรีนี้ เพลงอื่นๆนอกจากนี้อยู่ในขั้นพอฟังได้

ถ้าคิดจะเล่นแผ่นของวงนี้ ผมไม่แนะนำให้เล่นจากชุดนี้ แต่ถ้าคิดว่าซื้อชุดนี้ไปเพื่อฟังเพลงที่ดังในเมืองไทยอย่าง Shake It Up ก็คุ้มแล้ว ก็ซื้อไปเถอะครับ แต่ผมก็ยังอยากให้คุณซื้อชุดแรกของเขามาฟังดีกว่า เพราะชุดนี้แทบจะไม่มีแนว The Cars ให้เห็นเลย

ชุดนี้สังกัด Elektra ราคามีตั้งแต่ 190-350 บาท อยู่ที่ว่าคุณจะซื้อจากร้านไหน และจะซื้อแผ่นของประเทศไหนด้วย ถ้าอดใจรอสักนิดอาจได้แผ่นที่ถูกกว่านี้ ถ้ามีการสั่งซื้อทางเรือ

SP 166

No comments:

Post a Comment