เขียนจบรอบแรกไปแล้ว และก็ฉีกทิ้งเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เพราะเมื่อมานั่งอ่านดูตามหลักของข้อเขียนไปเน้นความยิ่งใหญ่ในอดีตของศิลปินระดับเซียนบางคนในวงเดอะเฟิร์มนี้ จนกลัวว่าความยิ่งใหญ่ของศิลปิน กำลังจะบดบังความเป็นดนตรีที่แท้จริงทิ้งเสีย
ลักษณะการฟังเพลงในส่วนตัวของผมนั้นมีจุดอ่อนหลายอย่าง ในจำนวนหลายสิ่งหลายอย่างนั้นก็คือ การชอบตั้งความหวังเอาไว้สูงเกินไปสำหรับศิลปินที่ตนเองชื่นชมหรือประทับใจในฝีมือมาก่อน การมีความคิดอย่างนี้ล่ะครับที่จะเป็นตัวบดบังให้มองความแท้จริงของดนตรีออกมาได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อมีหน้าที่มานั่งเขียนเรื่องนี้ ถ้าดนตรีที่ตนเองฟังและตั้งความหวังในการฟังไว้สูง สมมุติเป็นดนตรีที่ดีจริง คุณค่าของดนตรีชิ้นนั้นก็มีค่าเพียงแค่เสมอตัว เพราะตัวคนฟังก็คิดมาก่อนแล้วว่าดนตรีที่ฟังจะต้องเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเป็นในด้านตรงกันข้าม ดนตรีที่ฟังไม่ดีเท่าที่ตนคิด แม้ว่าดนตรีชิ้นนั้นจะเป็นดนตรีที่ดีจริง แต่ไม่เท่าที่คิด หรือดนตรีชิ้นนั้นไม่ดีจริงๆ แต่ภาพพจน์ในสายตาที่ได้ตั้งความหวังนั้นมีส่วนมากในการบดบังความแท้จริงที่เป็นอยู่ ผมใช้สมาธิมากในการเขียนชุดนี้ เพราะไม่ต้องการเอาตัวเองไปยืนอยู่ตรงกลางระหว่างความคิดที่ตนเองมีแล้วใส่ความคิดของตนเป็นข้อเขียนออกไป ไม่ว่าจะเป็นความลำเอียงในด้านดีหรือไม่ แต่ขอรับรองได้อย่างว่า ข้อเขียนชิ้นนี้ได้พยายามเสนอมาอย่างตรงกลางที่สุด เทียบเท่ากับข้อเขียนทุกชิ้นที่ได้เขียนออกมา
ไม่ท้าวความถึงประวัติวงนี้กันนะครับ เพราะกว่าที่คุณจะอ่านฉบับนี้คุณก็คงจะรู้จักชื่อเสียงของศิลปินวงนี้ และคุณก็คงจะหาอ่านกันได้ง่าย เหมือนอยากทราบเมื่อไหร่ก็ทราบได้ ชื่อเสียงของศิลปินระดับนี้เป็นประกัน
เดอะ เฟิร์ม กำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังเสนอดนตรีที่จะเป็นบทเรียนรุ่นหลังให้แก่นักดนตรีรุ่นน้อง รุ่นปัจจุบัน ทราบว่าดนตรีที่ไม่แคร์การค้ามันต้องเช่นนี้ ดนตรีที่กำลังเดินสวนทางกับสมัยนิยมของเครื่องดนตรีที่ใช้โปรแกรมเป็นหลักในการสื่อสารเสียงและอารมณ์ออกมาเช่นนั้นหรือ เขากำลังประกาศว่าพระกาฬกลับมาแล้ว ทุกคนจะต้องหลีกทางให้หรือ หรือเขากำลังใช้ชื่อเสียง และความกระหายในเสียงดนตรีของแฟนเพลง ที่กลั้นใจรอฟังผลงานของศิลปินที่ตนเองเฝ้ารอมานานนับเป็นปีๆ ออกอัลบั้มมาเพื่อเก็บเบี้ยบ้ายรายทาง เพื่อความอยู่รอดของตนเอง (เหตุผลข้อนี้เขียนไว้ในฐานะที่ตนเองมีหน้าที่ เพราะแม้แต่ตนเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อ) หรือเขากำลังทำในสิ่งที่เขาอยากทำ อันที่จริงมีเหตุผลอีกร้อยแปดพันเก้าที่พอจะบอกได้เลยว่ามันอาจมีมากกว่านั้น และสาเหตุที่เขาทำดนตรีชิ้นนี้ขึ้นมาอาจจะไม่ใช่เหตุผลที่กล่าวมาเลยก็ได้ อาจจะเหมือนคำพูดที่ฝรั่งเขาใช้ว่า The show must go on ใครจะรู้
ไม่ว่าเดอะ เฟิร์ม กำลังทำอะไรอยู่ ดนตรีที่เขาเสนอออกมามันเก่าแล้วครับ มันล้าสมัย เขากำลังเดินสวนทางกับความเป็นจริงในปัจจุบันเต็มที่เลย ดนตรีที่ล้าสมัยแบบของเขา ไม่ใช่ดนตรีที่ล้าสมัยเพื่อความเป็นจริงในปัจจุบัน อย่างเช่นวงฮันนี่ ดริพเพอร์ส, สเตรย์ แคทส์ ได้สร้างขึ้นมา แต่เป็นความล้าสมัยในแบบผู้เฒ่าที่ไม่มองโลกมากกว่า ในขณะที่วงร่วมสมัยหลายต่อหลายวงที่กลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ได้นั้น เขารู้ว่าโลกดนตรีในปัจจุบันต้องการอะไร เอาที่มองเห็นได้ชัดเลยนะครับ "เยส" มีใครเคยคิดบ้างว่า คณะนี้ในการกลับมารอบสอง (การกลับมาครั้งแรกจาก Going For The One) ดนตรีที่เขาเสนอออกมาจะเป็นในรูปแบบนี้ แม้ว่าบางคนอาจเริ่มสงสัย เมื่อเห็นชื่อโปรดิวเซอร์บ้างก็ตามที บางครั้งชื่อเสียงอาจจะอยู่เหนือความคิดก็เป็นได้ ในด้านการค้านั้น เยส อาจจะยิ่งใหญ่ได้ ในด้านกล่อง เยสก็ประสบความสำเร็จพอประมาณ การบ้านก็แล้วกันนะครับ ว่าเขาประสบความสำเร็จด้านกล่องคืออะไร แต่ถ้าคุณเคยอ่านบทวิจารณ์ของทางเมืองนอก (ซึ่งบอกตามตรงว่า ผมนั้นไม่ค่อยเห็นความจำเป็นในคอลัมน์อย่างนี้เท่าไหร่นัก รวมทั้งคอลัมน์ของตนเองด้วย แต่ก็ชอบอ่าน สนุกดี) คุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมเขียน และได้เคยบอกกล่าวมาแล้วในสมัยที่ผมเอาชุด 90125 มาเขียน (ออกตัวนิดนะครับว่าผมไม่เคยลอกความคิดใครมาใส่เลย)
ที่ยกตัวอย่างเยสเพืยงเพื่ออยากจะบอกว่า บางครั้งคนเราจะต้องทำอะไรเพื่อความอยู่รอด แม้บางครั้งมันจะสวนทางกับความเป็นจริงที่ควรเป็น หรือความเป็นจริงที่บุคคลภายนอกคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น เดอะ เฟิร์ม เดินสวนทางกับดนตรีที่เยสได้กระทำมาก ในอดีตศิลปินยิ่งใหญ่ทั้งคู่ก็ทำดนตรีแนวนี้ ในปัจจุบันไม่มีอะไรในกอไผ่ให้มองเห็นเลย นอกจากคุณค่าทางด้านจิตใจว่า ในที่สุด ตนเองก็มีโอกาสได้ฟังผลงานที่เฝ้ารอมานานนับเป็นปีเท่านั้นเอง
ผมคุ้นกับเสียงของ พอล ร็อดเจอร์ส มากนะครับ เรียกว่าเสียงเขานั้น พอขึ้นมาผมมีสมาธิพอ ผมทราบทันทีว่าน้ำเสียงที่ร้องนั้นคือเขา ผมมีความคิดอย่างหนึ่งคือ ลักษณะการร้องเพลงของเขา เหมือนกับนักร้องเพลงไทยคนหนึ่งคือ สุเทพ วงศ์กำแหง วิธีการร้องเพลงของคู่นี้มีอะไรที่คล้ายกันมาก เสียงของเขาไม่มีลักษณะเหมือนกับการแผดเสียง แม้ว่าเสียงของเครื่องดนตรีจะดังขนาดไหน เสียงร้องและลักษณะเช่นนี้ไม่มีทางที่จะถูกดนตรีข่มได้เลย เขาเปล่งพลังเสียงจากปอดออกมาจากลำคออย่างชนิดที่กล้าพูดว่าวิธีการร้องเพลงเช่นนี้ ถึงจะร้องติดต่อกันไปเรื่อยๆก็ไม่เหนื่อยเท่ากับคนอื่นที่ร้องพอๆกัน
วิธีการร้องเพลงในแบบพอล ใจผมคิดว่าเพจไม่คุ้นเคย คงไม่ต้องย้อนสมัยที่เพจอยู่ยาร์ดเบิร์ดส์ นะครับ ลองดูสมัยอยู่ "เลด เซ็พ" เสียงของแพลนต์ ถ้าเป็นสายน้ำ ก็เหมือนกับสายน้ำที่มีลักษณะการไหลไม่แน่นอนคงตัว บางช่วงเชี่ยวกราดปานจะพังทลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าลงไปได้ แต่ในทันทีทันใด สายน้ำนั้นอาจจะไหลอ้อยอิ่งลงทันทีได้ ส่วนเสียงของพอลนั้น ถ้าเป็นสายน้ำ ก็เปรียบเสมือนสายน้ำที่เบื้องบนของสายน้ำนั้นเงียบสงบเหมือนน้ำนิ่ง แต่ภายในสายน้ำที่ไหลนิ่งนั้น ถ้าดำดิ่งลงไปคนดำจะรู้สึกทันทีว่ามันเชี่ยวกราก มีกระแสคลื่นใต้น้ำที่มีแรงอัดแรงกระทบ ที่ยากจะหาใครทนได้ นั่นเป็นความคิดของผม นักร้องทั้งคู่มีส่วนที่แตกต่างกันมาก (ในขณะที่แผ่นเดี่ยวของแพลนต์ เคยเขียนไปแล้วไม่เอ่ยถึง) ดังนั้นความเข้ากันได้ของเสียงประสานทั้งคู่ยังไม่กลมกลืนนัก
ในขณะที่เซียนเหยียบเมฆทั้งคู่คนหนึ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาพบกันครึ่งทาง (นี่เป็นคำพูดอมตะของแมคอาเธอร์ สุดเพราะเลย นอกจากที่เขาเคยพูดว่า "แล้วข้าจะกลับมา") ส่วนอีกคนก็ยังคุ้นกับความเป็นอดีตอยู่ ดนตรีที่ฟังเลยมีตัวแปรที่ไม่คงรูป และเพราะความยิ่งใหญ่ของทั้งคู่นี่ล่ะ ทำให้ดนตรีที่ออกมาเป็นเช่นนี้ สมมุติว่าชุดนี้ได้มือกีต้าร์ที่มีบารมีน้อยกว่าพอลมาเป็นคนเล่นให้ พอลอาจจะมีอัตตามากพอที่จะบอกมือกีตัาร์คนนั้นให้เล่นในสไตล์ที่เขาต้องการให้เป็น และดนตรีชิ้นเดียวกันในนามของเดอะ เฟิร์ม ก็อาจกลายเป็นผลงานบลูส์ไปเลยก็ได้ และถ้าเพจได้นักร้องในสไตล์ที่เขาถนัด ดนตรีที่ออกมาอาจจะเป็นรูปแบบ เลด เซ็พ ภาคสองก็เป็นได้ หรืออาจจะเป็นแนวอื่นที่เพจต้องการก็ได้ แต่เนื่องจากทั้งคู่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน และข้อสำคัญคือเป็นเพื่อนกันด้วย ดนตรีที่ออกมาจึงเป็นไปในแบบที่ผมกล่าวมาแล้ว
แต่ตัวแปรที่เห็นได้เด่นชัดคือ ลักษณะดนตรีของพอล ร็อดเจอร์ส เด่นกว่าเพจครับ อยากให้ลองฟังเพลง Together ลักษณะการร้อง ลักษณะดนตรีเป็นแบบที่พอลถนัดมากตั้งแต่สมัยอยู่แบดคอม และในผลงานเดี่ยวของเขาแล้วครับ หรืออย่างเพลง You've Lost That Lovin' Feeling (เพลงเก่าของไรเชียส บราเธอร์ส) เป็นเพลงที่ได้รับการ
เท่าที่คิดออกตอนนี้ (ตอบให้โก้ๆไปอย่างนั้นล่ะครับ) แต่ชุดนี้ เสียงเบสของเขาไม่ประทับใจเลย แต่ผมกลับชื่นชมวิธีการใส่เสียงซินธีไซเซอร์ลงในเพลงของแฟรงคลินมากกว่า อย่างเพลง Satisfaction Guaranteed เสียงซินของโทนี่ช่วยส่งเสียงร้องของพอลให้หวานมากขึ้นทีเดียว และนี่ก็คือหนึ่งในเพลงที่ดีมากของเดอะ เฟิร์มด้วย ดีกว่า Radioactive ที่กล่าวขวัญในแง่ลบมากที่สุด และผมเห็นด้วยเต็มที่เลยว่าสู้ H&O ไม่ได้เลย เหตผลอย่างที่บอก แต่มีจุดหนึ่งที่น่าสนใจมากคือช่วงท้ายของเพลง เป็นลูกเล่นที่เลด เซพ ชอบใช้มากที่สุด คือการส่งกลองเพื่อส่งดนตรี คริส สเลด มือกลองมีระดับ ชื่อเสียงอยู่ในขั้นเยี่ยม ก่อนที่จะเขียนถึงชุดนี้ ผมหาผลงานของคริสมานั่งฟังเท่าที่จะหาได้ ก็มากกว่า 5 ชุดล่ะครับ (ในคณะที่คริสเคยร่วมงาน) ผมกล้าพูดว่า คริส ไม่เคยมีสไตล์การตีกลองและส่งกลองเช่นนี้มาก่อนเลย แนวส่งกลองแบบนี้บอนแฮมถนัดมากเป็นพิเศษ แต่ของบอนแฮมนั้นเขาใช้พลังข้อจริงๆ (ถ้าคุณมีโอกาสฟังชุด Led Zep Livie Vol.1 ซึ่งเป็นแผ่นผีที่ออกในญี่ปุ่น คุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดมากขึ้น) แต่ของคริสนั้นขอทำตัวเป็นหมอเดาว่า ใช้การมิกซ์และการวางลำโพงเข้าช่วยในการปรับเสียงระดับกลองมาก เพราะในหลายๆเพลง ช่างกระแทกกระทั้นกระทุ้งกันมากเหลือเกิน ผิดลักษณะการเคยฟังเสียงกลองของคริส สเลด มาก่อน ผมอาจจะผิดก็ได้ คนเราเมื่อสร้างสมประสบการณ์มากมายอะไรๆก็เป็นได้เสมอ ดังนั้นผมจึงบอกว่า ผมอาจจะคิดผิดก้ได้ แต่ก็ไม่น่าจะถึงระดับดึงลูกเล่นเฉพาะตัวมากันเลย แต่ไม่ทุกเพลงนะครับ
เมื่อพูดกันมาสามคนแล้ว ก็ขอต่อคนสุดท้ายกันเลยนะครับ มือเบส "โทนี่ แฟรงคลิน" ผมไม่เคยฟังผลงานของเขามาเลย เป็นซิงเกิ้ลแรกหลายเท่า ตอนแรกที่อ่านประวัติของเดอะ เฟิร์มมา ทราบว่าตอนแรกจะเอา "พิโน พาลาดิโน" (Pino Palladino) มาเล่น ฝีมือเบสของพิโน เยี่ยมมากนะครับ ยังเคยแปลกใจเลยว่า เขาน่าจะดังกว่าทุกวันนี้มาตั้งนานแล้ว
ไม่ต้องพูดอะไรกันมากกว่านี้แล้วนะครับ นักฟังเพลงแต่ละท่านต่างก็มีวิจารณญาณส่วนตัวว่าดนตรีชิ้นนี้เป็นเช่นไร บางคนอาจจะชื่นชอบมาก บางคนอาจจะผิดหวัง สำหรับนักฟังเพลงรุ่นใหม่ที่อยู่ในยุควัฒนธรรม ดนตรีที่มีตัวแปรด้านธุรกิจนำหน้า ไม่ทราบว่าจะทำใจยอมรับว่าดนตรีในรูปแบบของทศวรรษเก่าก่อนที่วงหน้าใหม่แต่ศิลปินหน้าเก่าสามในสี่ร่วมกันสร้างนี้ได้ไหม เพราะดนตรีชิ้นนี้เป็นดนตรีน่าศึกษาว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ มีตัวแปร มีพอยท์อะไรหรือทำให้ดนตรีมีสรรพเสียงเช่นนี้ เขาให้อะไรแก่เรา เขาแฝงอะไรไว้ในเสียงดนตรี การพัฒนาของดนตรีตั้งแต่ทศวรรษ 60 จนถึงปัจจุบันนี้ มีอะไรที่แตกต่างกันออกไปบ้าง และอีกเยอะแยะ แต่ไม่ใช่ดนตรีที่ฟังเอาเพราะเพื่อผ่านเท่านั้น
ในยุคของดนตรีที่อาจจะไม่มีอะไรให้แก่คนฟังเท่าไหร่นัก เดอะ เฟิร์มแทรกเข้ามา ถ้าเราจะพูดกันในด้านการค้า ตอนที่กำลังเขียนอยู่นี้ ผมถือว่าเดอะ เฟิร์มล้มเหลว ในแคชบ็อกซ์เขาถึงท็อปเทน แต่กว่าจะขึ้นได้ อืดเชียว ในบิลบอร์ด เดอะ เฟิร์มยิ่งอืดใหญ่ (ตอนเขียนอยู่นี้ แม่แต่ท็อปเท็นยังไม่ถึง และยังไม่มีวี่แววจะถึงด้วย)
แต่สำหรับนักฟังรุ่นเก่าก่อน รสนิยมเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ มีปัจจัยหลายปัจจัยที่มองชุดนี้ คุณเป็นแฟนเพลงของพวกเขาระดับไหน คุณต้องการอะไรจากดนตรีชิ้นนี้ คุณตั้งความหวังส่วนตัวไว้สูงแค่ไหน คุณมองดนตรีในแง่ใด รสนิยมก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ต้องมองหลายแง่มุม ผมได้พยายามมองให้แล้วโดยไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ดนตรีชิ้นนี้คุณตัดสินใจเอาเองนะครับ แต่ในฐานะส่วนตัว ผมค่อนข้างผิดหวัง เพราะผมตั้งความหวังเอาไว้สูงมาก ความผิดไม่ได้อยู่ที่ดนตรี แต่ความผิดอยู่ที่ตัวผมเช่นนั้นหรือ?
SP 200
SP 200
No comments:
Post a Comment