ที่จริงแล้ว ผมได้แผ่นนี้มาก่อนที่แผ่นนี้จะลงในช่องการขายแผ่นของแค็ชบอกซ์หรือบิลบอร์ด แต่ผมก็ดองแผ่นนี้เอาไว้ เพราะหน้ากระดาษของสตาร์พิคส์ครับ ที่มันมีจำกัดเหลือเกิน แต่อย่าไปเข้าใจว่าแผ่นนี้ไม่ดีนะครับ ก็พอดีกับอีเอ็มไอ.ส่งแผ่นนี้มาให้เลยนำมาเขียนถึง
ในรอบปี 2525 ที่ผ่านมาห้าเดือนถึงหกเดือน ถ้าจะมีใครสักคนถามผมว่าแผ่นเฮฟวี่ที่ดีที่สุดในรอบปี 25 นั้นคือผลงานชิ้นไหน ผมสามารถตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เมื่อยสมองว่า Blackout ของ Scorpions นี่ล่ะครับ
ถ้าท่านยังจำข้อเขียนของผมในฉบับที่แล้วเกี่ยวกับ M.S.G. ได้ ผมพูดถึงเพลงเฮฟวี่ของอเมริกากับอังกฤษ (ยุโรป) ว่าต่างกันเช่นไร Scorpions เคยพลาดครั้งหนึ่งในตอนเริ่มบุกตลาดของชาวอเมริกาด้วยชุด Animal Magnetism (เป็นชุดที่บุกตลาดแผ่นเสียงอเมริกาเป็นชุดแรก ส่วนชุดเก่าๆไม่ว่าจะเป็น Love Drive, Taken By Force, Live ทางบริษัทแผ่นเสียงของอเมริกาเขาไม่ได้โปรโมทกันมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ถือว่าเป็นชุดบุกเบิก) Scorpions ได้เปลี่ยนแนวการเล่นไปเล่นแนวเฮฟวี่ของชาวอเมริกา แต่อาจเป็นเพราะยังไม่สามารถฝืนลักษณะของตัวเองได้ แนวดนตรีจึงค่อนข้างอ่อนเอามากๆ และผมก็ไม่ทราบว่าเขาคิดเช่นไรจึงออกแผ่นชุด Blackout ชุดนี้ออกมา โดยหันไปเล่นแนวเฮฟวี่ในแบบดั้งเดิม เพราะเป็นการเสี่ยงมากเอาการทีเดียว เพราะโอกาสพังมันมีมากเหลือเกิน
แต่ผมคิดว่า Scorpions คิดว่าเขาคงจะไม่มีอะไรต้องเสียไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะชื่อเสียงในอเมริกาของเขาก็ไม่โด่งดังอยู่แล้ว ถ้าออกแผ่นในแบบเดิมถึงจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เขาก็คงดึงเอาแฟนเพลงในยุโรปและเอเชียของเขากลับคืนมา หลังจากที่เคยเสียความนิยมไปจากชุด Animal Magnetism และก็ปรากฏว่า Scorpions โด่งดังขึ้นมาทันตาเห็นจริงๆ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ในความคิดของผม เพราะเฮฟวี่แบบ Scorpions นั้น เป็นดนตรีที่มีแนวของความสดใส น่ารัก และน่าหลงใหล (อย่าไปเทียบกับเพลงป๊อบ, โซล , ร็อค ฯลฯ นะครับ นี่พูดถึงเฮฟวี่) ซึ่งผิดกับ Van Halen, AC/DC ฯลฯ ซึ่งเป็นเพลงเฮฟวี่ที่ดิบ หยาบกระด้าง พูดง่ายๆ คนอเมริกานี่เอาใจยาก บทจะดังก็ดังขึ้นมาทันตาเห็น อย่างชุดนี้
นี่คือแผ่นที่ดีที่สุดของ Scorpions นับตั้งแต่ตั้งวงขึ้นมา บรรจุเพลงดีๆไว้ถึง 8 ใน 9 เพลงก็ว่าได้ ซึ่งเป็นการยากมากที่แผ่นชุดหนึ่งจะมีเพลงเด่นๆมากขนาดนี้ แม้ว่าท่วงทำนองบางเพลงค่อนข้างจะคล้ายกัน แต่ไม่ซ้ำซากนะครับ เช่นเพลง No One Like You และ You Give Me All I Need
ดนตรีเฮฟวี่นั้นไม่ใช่จะมีความหยาบกระด้างหรือหวานซึ้ง สามารถลีดกีต้าร์ได้บาดหัวใจนักและอย่างพวกเด็กฮาร์ดของไทยที่เขานึกกัน ผมมีความรู้สึกเศร้าเสียใจกับคนพวกนี้มากนะครับ จะเล่าให้ฟังครับ วันหนึ่งผมนั่งรถเมล์แถวหลัง เบาะยาว มีเด็กหนุ่ม 2 คน อายุราวสัก 16-17 ปีนั่งอยู่ด้วย ทั้งสองคนเป็นนักกีต้าร์ทั้งคู่ นั่งเถียงกันเรื่องเพลง คนหนึ่งชอบเล่นกีต้าร์โฟล์ค อีกคนชอบเล่นเฮฟวี่ ต่างคนต่างก็พยายามสรรหาถึงความดีเด่นของแนวดนตรีของตนออกมา ผมมาสะดุดอยู่ประโยคหนึ่งที่เขาพูดว่า "เล่นดนตรีอะไรล่ะมันไม่เจ๋งเท่ากับเพลงเฮฟวี่ เพราะต้องใช้อารมณ์ ความรู้สึก ความสามารถ..." และเขาก็นั่งเถียงกันตลอดทาง จนผมลงรถเมล์ก็ยังไม่หยุดเถียง จนผมมานั่งเขียนถึงเพลงอยู่ในตอนนี้ก็นึกภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้แฟนคอลัมน์นี้ มีความรู้สึกแบบเด็กสองคนนี้เลย ถ้าคุณมีความเข้าใจอย่างนี้ ก็ขอให้เลิกได้แล้วนะครับ ไม่จริงครับ อย่านึกว่าเพลงเฮฟวี่เล่นยากกว่าเพลงป๊อบ และอย่านึกว่าเพลงคลาสสิกต้องเป็นพวกใส่สูทถึงจะฟังได้ ดนตรีเฮฟวี่ที่แท้จริงนั้นต้องมีความไวและความรุนแรงของดนตรีเป็นที่ตั้งก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในความไวและความรุนแรงของเพลงนั้นจะไม่มีความหวานซึ้งหรือความไพเราะของท่วงทำนองอยู่ เวลานั่งพูดถึงเพลงเฮฟวี่คุณจะต้องนั่งคิดถึงเพลง Before The Dawn ของ Judas Preist, Holiday ของ Scorpions ฯลฯ แน่ใจหรือครับว่านี้เป็นเฮฟวี่ร็อค แล้วเพลง Smoke On The water ของ Deep, Mississipppi Queen ของ Moutain เป็นเฮฟวี่หรือเปล่า คุณเอาอะไรมาตัดสินครับว่าเพลงนี้เป็นเฮฟวี่หรือไม่ ถ้าเพลงรุนแรงแบบ Mississipi Queen เป็นเฮฟวี่ แล้วเพลงหวานๆแบบ Before The Dawn จะเป็นเฮฟวี่ได้อย่างไร คุณเอาอะไรมาตัดสิน ชื่อวงเป็นประกันหรือ ถ้าเช่นนั้น Jeff Beck เล่นร็อคตลอดกาลแล้วทำไมเขาไปเล่นแจ๊สได้
ที่จริงผมไม่ได้เก่งขนาดมาอธิบายได้ว่าเพลงเฮฟวี่นั้นเป็นเช่นไร แต่ถ้าให้อธิบายในคอลัมน์นี้ก็ทำไม่ได้ครับ เพราะต้องท้าวความกันยาว แต่ที่เห็นย่อหน้ายาวที่ผ่านมานั้นผมเพียงแต่ต้องการจะบอกคุณผู้อ่านว่า อย่าไปมีความคิดผิดๆเช่นนี้เป็นอันขาด บางครั้งดนตรีเฮฟวี่นั้นอาจถูกสร้างขึ้นมาเพื่อชดเชยสันดานดิบอันดุร้ายของมนุษย์ก็ได้ ซึ่งต้องมีทุกคน ผมเชื่อว่าในสันดานจริงๆของมนุษย์ปกติสามัญนั้นจะต้องมีคุณงามความดีอยู่ แต่มันจะต้องมีสิ่งที่ขัดแย้งในตัวเองที่อยากจะแสดงออก ดนตรีอาจจะเป็นทางหนึ่งที่ให้มนุษย์มีการแสดงออก เช่นเดียวกับ Scorpions ดนตรีของเขารุนแรงหนักหน่วง แต่ในอารมณ์หนักหน่วงนั้นเขาแฝงเนื้อร้องที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย เช่นเพลง No One Likfe You ลองฟังดนตรีในแบบ The Doors สิครับ เช่นเพลง Light My Fire ท่วงทำนองไพเราะและสดใส แต่เนื้อร้องนั้นกลับเชื้อเชิญคนมาเสพสุข LSD นี่คือความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แม้ดนตรีจะเป็นคนละรูปแบบ
ในข้อเขียนชิ้นนี้ ผมได้เขียนถึงสิ่งที่ผมอยากจะเขียนถึงมานานแล้ว ถึงแม้จะไม่ชัดเจนแจ่มแจ้ง 100% ถึงแม้จะมีคนได้ประโยชน์เพียง 1-2 % จากคนอ่านทั้งหมด ผมก็ภูมิใจแล้ว แม้จะมีอีกกลุ่มหนึ่งพูดว่า เอาอะไรมาเขียนวะ ไม่เห็นเกี่ยวกับเพลงในแผ่นนี้เลย เกี่ยวสิครับ ทำไมจะไม่เกี่ยว อย่างน้อยก็เป็นการปูพื้นฐานให้กับเด็กรุ่นใหม่ ที่จะได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักฟังเพลงที่ดี ไม่มีความคิดแบบหลงผิดเช่นนั้น ขอร้อง รักจะฟังเพลงก็ขอให้ชอบเพราะมันเป็นเพลง ไม่ใช่เพราะเป็นแฟชั่น
กลับมาพูดถึงแผ่นนี้กันอย่างจริงจังอีกครั้ง ทำไมแผ่นนี้ผมถึงว่าดีนักดีหนา อย่างแรกการวางลำดับเพลง (เพลงในแผ่นนี้มีเนื้อหาไม่ต่อเนื่องกันนะครับ) Scorpions เริ่มจากเพลง Blackout อันเป็นไตเติ้ลของแผ่น เริ่มจากเพลงที่ดุเดือดและรุนแรง เสียงกีต้าร์ที่กรีดสะท้านใจคนฟังดีนัก การเล่นดนตรีเป็นในแบบมีพลังเพลงเฮฟวี่แท้ๆ เพลงนี้เห็นได้ชัดว่ามีแนวโน้มมาในแบบเพลงเฮฟวี่ที่ขาวเอเชียและคนไทยชอบ อาจเป็นเพราะมีคนญี่ปุ่นช่วยแต่งเนื้อร้องด้วย จึงทำให้เพลงรุนแรงเช่นนี้
เพลง Blackout จบลงด้วยเทคนิคในห้องสตูดิโอด้วยเสียงกระจกแตก เขาเว้นช่วงไปไม่ถึงวินาที และขึ้นเพลง Can't Live Without You ด้วยท่วงทำนองที่ลดความรุนแรงลงมานิดหน่อย แต่ก็ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกถึงการลดพลังเพลงลงมา สิ่งที่พูดมานี้ล่ะครับ เขาเรียกว่าความต่อเนื่องทางอารมณ์ เป็นช่องทางที่จะเปิดให้เพลงต่อไปลดความรุนแรงลงมาได้อีกขั้น นั่นก็คือเพลง No One Like You ถ้าท่านเอาเพลงนี้มาต่อจากเพลง Blackout จะเห็นถึงความแตกต่างของเพลงอย่างเห็นได้ชัด
และถ้าสังเกต เพลง You Give Me All I Need อินโทรด้วยอคูสติกกีต้าร์ ได้ถูกจัดมาวางหลังเพลง No One Like You และนี่ก็เรียกว่าเป็นการต่อเนื่องอารมณ์ได้ครับ และสิ่งหนึ่งที่นักดนตรีเฮฟวี่ชอบทำก็คือ หลังจากอินโทรดนตรีด้วยเสียงกีต้าร์หวานๆแล้ว เขาจะขึ้นดนตรีที่รุนแรงสวนออกมาทันที อันนี้เป็นหลักหากินของดนตรีเฮฟวี่จริงๆครับ ไม่ว่ากี่วงๆก็ทำกัน และก็เห็นได้ผลดีทุกครั้งด้วย
หลังจากเพลง You Give Me All I Need แล้ว สังเกตการเว้นช่องว่างของเพลงนะครับ เขาเว้นช่องว่างไว้นานกว่าเพลง Blackout กับเพลง Can't Live Without You แม้จะห่างกันนิดเดียวก็ตาม แต่ความรู้สึกของอารมณ์มันต่างกันเยอะนะครับ อันที่จริงเพลง Now! นี่ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ แต่มันมาก
คราวนี้จะมาพูดถึงเพลงที่ดีที่สุดของแผ่นนี้ เพลง Dynamite ครับ มีความสมบูรณ์ทุกอย่างที่เพลงเฮฟวี่ต้องมี ไม่ต้องบรรยายกันมาก เพราะเฮฟวี่ก็ต้องเป็นเฮฟวี่อยู่วันยันค่ำ รวดเร็ว รุนแรง หนักหน่วง และ ไพเราะ คือหลักตายตัวของเพลงเฮฟวี่ ที่มีพร้อมในเพลงนี้แล้ว
เพลงที่ต้องดังในเมืองไทยแน่ๆ ถ้าดีเจ.บ้านเราจับเปิดกรอกหูกันตลอด เหมือนกับที่ผมเคยพูดถึงเพลง Before the Dawn ก่อนที่ Judas Priest จะมีคนไทยรู้จักกันมากแบบในปัจจุบัน นั่นคือเพลง When The Smoke Is Going Down ลองฟังดูแล้วคุณจะชอบ อันที่จริงเพลงพวกนี้ไม่น่าจะเรียกว่าเฮฟวี่ ฮาร์ดคร็อคเลย น่าจะเรียกว่าเฮฟวี่ ฮาร์ด ป๊อบ มากกว่า แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธล่ะครับว่าเพราะจริงๆ
แผ่นนี้มีเนื้อร้องให้ด้วย สังกัดบริษัท Harvest ราคาแผ่นนอกตกแผ่นละ 320-360 บาท แผ่นสิงคโปร์ มาเลย์ ตก 150 บาท แผ่นอีเอ็มไอ. ก็คง 130 บาท แต่ความคมชัดของหน้าปกแผ่นเสียง แผ่นนอกมีมากกว่าเยอะ เห็นภาพเพนต์เหมือนภาพถ่ายเลยครับ ดูมีชีวิต แผ่นส่วนตัวของผมเป็นแผ่นจากเยอรมัน ถ้าใครมีไม่ทราบจะคิดอย่างผมหรือเปล่า?
ที่จริงมีเรื่องอยากพูดถึงแผ่นนี้อีกมาก เช่นฝีมือกีต้าร์ของ Rudolf กับ Matthias Jabs , Klause Meine นักร้องเสียงสูงที่ไม่มีใครพูดถึงระดับเสียงของเขาเลย มัวแต่ไปพูดถึง Steve Perry, Micky Thomas ฯลฯ กันหมด ก็หวังว่าแผ่นนี้ท่านคงได้ประโยชน์จากการต่อเนื่องของอารมณ์ในการวางลำดับเพลงนะครับ
อยากจะบอกว่าถ้าเป็นนักฟังเพลงเฮฟวี่ก็ไม่ควรพลาดในการหามาเป็นเจ้าของ และถ้าเป็นแฟนของ Scorpions นี่คือแผ่นที่ดีที่สุดของวง และถ้าไม่เคยฟังเพลงของวงนี้มาก่อน ชุดนี้นับว่าเป็นชุดที่น่าจะมีก่อนเป็นชุดแรก
SP 168
SP 168
No comments:
Post a Comment