จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าท่านติดตามผลงานของศิลปินคนนี้มาตลอด ท่านผู้อ่านก็คงจะทราบถึงวิวัฒนาการของการเจริญเติบโตของแนวดนตรีของ Peter ได้ดี โกวเล้งเคยกล่าวในหนังสือของเขาว่า "การฝึกวิชาให้จำได้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่ยากมาก แต่เมื่อจำได้หมดแล้ว การลืมถึงสิ่งที่ได้จำเป็นสิ่งที่ยากเย็นเข็ญใจกว่าหลายเท่า" Peter Gabriel ได้ทำในสิ่งนั้นๆมาแล้ว จาก ดรามา ร็อค, โปรเกรสซีฟ จนถึงปัจจุบันคือ ริธึ่ม เป็นสิ่งที่คงผิดความคาดหมายของนักฟังเพลงจริงๆจังๆที่ติดตามผลงานของเขามาทั้งหมด
ความจริงดนตรีในแบบริธึ่มควรจะเป็นต้นแบบแห่งดนตรีแทบทุกชนิด แนวดนตรีเช่นนี้ทางคนตะวันออกถือว่าต้นกำเนิดมาจากอาฟริกา ถูกแยกสาขาออกมาเป็นบลูส์, ริธึ่มแอนด์บลูส์, โซล, ฟังกี้ ฯลฯ แต่แนวริธึ่มจริงๆกลับถูกหลงลืมลงทีละนิด จนแทบจะสาบสูญไป แต่เมื่อราวๆสัก 6 ปีก่อน วง Talking Heads ได้นำดนตรีที่มีท่วงทำนองในแบบอาฟริกา บีท มาเสนออีกครั้ง แต่ก็ยังคงทำในรูปแบบพาณิชย์ศิลป์ แต่ก็ได้รับความนิยมไม่เลว วันที่ Peter Gabriel ออกจาก Genesis ในช่วงที่วงกำลังรุ่งเขาพูดว่า Genesis เน้นด้านเมโลดี้มากจนเกินไป แต่ก็ไม่มีใครเคยคิดเลยว่าเขาจะเสนอแนวดนตรีริธึ่มออกมา แผ่นชุดแรกของเขายังไม่สามารถสลัดรูปแบบของ Genesis ออกหมด พอชุดที่ 2 แนวดนตรีก็ยังคงเป็นโพรเกรสซีฟอยู่ แต่ชักหนีห่างจากความเป็น Genesis ขึ้นทุกที ชุดที่ 3 (เคยเอามาพูดแล้ว) ก็ยังคงใช้ชื่อแผ่นว่า Peter Gabriel เหมือนเดิม แต่เห็นได้ชัดถึงความเปลี่ยนแปลง เขามีการนำจังหวะในแบบอาฟริกา บีท เข้ามา และที่จะพูดกันต่อไปนี้ก็คือชุดใหม่ของเขาชื่อชุด Security ไม่ใช่ 4 แบบหน้าปกเทปเขียนเอาไว้ ผมมีแผ่นนี้อยู่ในมือสัก 6 เดือนแล้ว แต่ที่ไม่เคยคิดจะนำมาเขียน เพราะไม่ทราบว่าคนไทยจะรับแนวดนตรีเช่นนี้ได้ไหม
ผมเคยกล่าวไว้แล้วว่า ดนตรีบางอย่างของศิลปินร่วมสมัยบางคนไม่ใช่ดนตรีที่คิดว่าจะนำมานั่งฟังกันได้เล่นๆ ชุดนี้ของเขาพิสูจน์คำพูดของผมได้เป็นอย่างดี การสร้างดนตรีในแบบริธึ่มของศิลปินเก่งๆไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่การสร้างขึ้นมาแล้วให้คงลักษณะของดนตรีร่วมสมัยไปด้วยนั่นสิครับคือสิ่งที่ยาก Peter Gabriel ยังคงทำไม่สำเร็จ ทุกเพลงไม่ใช่ง่ายในการทำ แต่ทำแล้วให้คนฟังไม่เกิดความหนักอึ้งแห่งท่วงทำนองขึ้นมา ผมคิดว่าเขากังวลในด้านนี้มากจนเกินไป จึงทำให้เพลงที่มีธรรมชาติบริสุทธิ์ของแนวริธึ่มต้องมาเป็นดนตรีในแบบอีเล็คโทรนิค ริธึ่ม ไปโดยไม่จำเป็นที่ต้องเป็น อย่างเช่นเพลง Shock The Monkey ที่ดังมากในแผ่นนี้ การที่จะตัดเสียงกีต้าร์ออกจากเพลงก็ไม่ทำให้ช่วงจังหวะสูญเสียความไพเราะไป แต่การที่เพิ่มเสียงกีต้าร์เข้ามา ทำให้มองเห็นได้ชัดว่า เพลงนี้เน้นไปในด้านพาณิชย์ เพราะจะทำให้คนฟังติดหูได้ง่ายขึ้นจากความยากที่มีอยู่ในการฟัง ไม่ทราบว่าคุณผู้อ่านจะงงไหมครับที่เขียนแบบนี้
ถ้าจะพูดด้านเนื้อร้องแล้วยากกว่าท่วงทำนองอีกครับ ไม่ยักทราบว่าเขามองโลกในแง่ร้ายถึงเพียงนี้ อย่างเพลง Shock The Monkey ก็อย่างชื่อเพลงที่เขาบอกล่ะครับ คนกับลิงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก เพลง San Jacinato ออกการเมือง เพลง Rhythm Of The Heat เนื้อร้องพูดถึงมนุษย์แห่งความเป็นมนุษย์ ฟังค่อนข้างยากมากครับเพลงนี้ ทั้งเนื้อร้องและท่วงทำนอง แต่อยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงนี้ เพราะถ้าคุณสามารถรับเพลงนี้ได้ แผ่นนี้ไม่ยากเกินความสามารถของคุณหรอกครับในการฟัง
อย่าคิดว่าแค่ฟังเพลง Shock The Monkey เพียงแค่เพลงเดียวแล้วชอบคุณจะสามารถรับแผ่นชุดนี้ทั้งชุดได้ เพลงนี้อย่างที่บอก เป็นเพลงที่ฟังง่ายที่สุด, พาณิชย์มากที่สุด และเนื้อร้องไม่ค่อยจะกำกวมที่สุด เรียกว่าเป็นเพลงที่ง่ายที่สุดในชุดนี้
นานๆจะได้เห็นแผ่นที่ท้าทายความสามารถของนักฟัง เพลงที่ทุกคนก็คิดว่าตูก็เป็นหนึ่งในการฟังออกมาให้ฟังกัน พูดง่ายๆถ้าคุณฟังแผ่นนี้แล้วรับได้ทุกอรรถรส คุณอยู่ในขั้นนักฟังชั้นยอด หาคนเทียบคุณยาก แต่ถ้าคุณฟังแล้วไม่ชอบก็อย่าไปเสียอกเสียใจเลยครับ เพราะแผ่นนี้ยากจริงๆ แต่ถ้าคุณฟังแล้วไม่ชอบ แต่เห็นใครๆเขาก็พูดว่าฟังยาก การฟังเพลงยากนั้นเป็นสิ่งโก้และเก๋ คุณกำลังโกหกตัวเอง และคุณจะไม่สามารถเป็นนักฟังเพลงที่ดีได้ เพราะขนาดความคิดของตัวคุณ คุณก็ยังไม่เชื่อมั่น แล้วจะให้ใครมาเชื่อมั่นในความคิดของคุณ
และถ้าคุณจะถามผมว่าชอบชุดนี้ไหม ผมก็จะบอกว่าผมชอบ เพราะนี่คือศิลปินที่ผมชอบมากที่สุดในจำนวนศิลปินที่ผมรู้จักในโลกนี้ แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ผมมชอบชุดนี้ เหตุผลที่แท้จริงก็คือนานๆจะมีแผ่นที่ท้าทายความสามารถของการฟังเพลงออกมาให้ได้ฟังสักที แข่งกับใครไม่สนุกเท่าท้าทายความสามารถของตัวเองหรอกครับ และผมก็รู้ความจริงแล้วว่า ฟังชุดนี้มา 6 เดือนแล้วยังเข้าใจได้ไม่ถึง 100% ยากจริงๆ แต่ที่ผมให้ 4 ดาว ไม่ใช่ 6 ดาว เพราะเขาจับปลาสองมือ ความสามารถของตัวเขา สามารถสร้างผลงานโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยกีต้าร์และ Moog เลย แต่เขายังคิดพบกันครึ่งทางระหว่างเขากับนายทุน และ เขากับคนฟัง แต่นี่มีสาเหตุครับ ผมจำบริษัทที่จัดจำหน่ายแผ่นของเขาในอเมริกาไม่ได้แน่นอนนะครับ คือบริษัทจัดจำหน่ายในอเมริกาตอนได้ฟังแผ่นชุดที่ 3 ของเขา ผู้จัดการแผนกจัดจำหน่ายพูดออกมาเลยครับว่า "คุณเป็นคนเก่ง แต่แผ่นนี้ต้องพังแน่นอน" และรู้สึกว่า Ponogram จะได้ลิขสิทธิ์ไป ผลปรากฏว่าแผ่นนี้เป็นชุดที่ขายดีที่สุดของเขาเลยครับ Geffen บริษัทดวงดีดึงเขามาเข้าสังกัดได้ และเขาก็ลองของให้เห็น คือแผ่นชุดนี้ออกมาประมาณ 6 เดือน (ผมได้แผ่นนี้พร้อมกับตอนที่เมืองนอกออกพอดี) แล้วยอดจำหน่ายยังไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่งของชุดที่แล้วเลยครับ
ไม่ทราบว่าคุณจะเข้าใจสายสนกลในเรื่องพวกนี้ไหม ที่ผมจะเล่านี่เกี่ยวกับตัว Peter นะครับ ว่าทำไมเขาจำเป็นต้องจับปลาสองมือ จะเล่าให้ฟังนิดหน่อยพอ คือการที่ศิลปินสังกัดบริษัทไหน เขาต้องทำสัญญากันกี่ปี ออกแผ่นกี่ชุด Geffen เป็นบริษัทที่ดังมากในเรื่องการทำสัญญาคือสัญญาของเขาผูกมัดศิลปินมาก แต่ส่วนมากศิลปินที่ทำเงินให้กับบริษัทมาก ศิลปินนั้นจะมีสิทธิ์พิเศษในการต่อรองกับบริษัทในการทำแผ่นออกมาตามใจตัวเอง ออกแผ่นนานเท่าไรก็ได้ที่อยากออก สามารถให้บริษัทออกเงินค่าทำแผ่น ออกค่าสตูดิโอ การโปรโมทแผ่น การเลือกโปรดิวเซอร์ นี่เป็นข้อต่อรองที่สามารถต่อรองกับบริษัทในขณะที่ยังคงมีสัญญากันอยู่ แต่จุดที่สำคัญก็คือ เมื่อหมดสิ้นสัญญาแล้ว เขาสามารถเรียกค่าตัวได้มากกว่าเดิมหลายเท่านัก จะเกิดศึกแย่งชิงศิลปินกันระหว่างบริษัท นี่คือข้อต่อรอง
นี่คือเหตุที่ Peter ต้องจับปลาสองมือในความคิดของผม แต่ก็ยังคงถืออัตตาของตัวเองเป็นหลัก แต่ใจจริงผมยังคงอยากฟังแนวดนตรีที่ท้าทายความสามารถมากกว่านี้ ทำออกมาสิครับ ผมเชื่อว่าคุณทำได้ อย่าจับปลาสองมือ เพราะจะทำให้แนวดนตรีดีๆที่คุณสร้างขึ้นมา ถูกทำลายลงด้วยมือของคุณเอง ถึงคนฟังไม่รู้ แต่ตัวคุณย่อมรู้ว่าคุณยังไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาเพื่อความภาคภูมิใจของตัวคุณเอง เพราะตอนนี้คุณก็ทำแผ่นออกมาสนองตัณหา (หวังว่าคงไม่หยาบนะครับ) ตัวคุณอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีส่วนของนายทุนอยู่ด้วย แผ่นที่ขายดี ต้องไม่ใช่ความภาคภูมิใจของพวกศิลปิน แต่ความภาคภูมิใจที่แท้จริงคือการสร้างดนตรีที่ดี เพื่อชนส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่เพื่อเงิน
แผ่นนี้อยากจะให้นักฟังเพลงทุกคนได้ฟัง แต่คุณจะต้องรู้จักความสามารถในการฟังของตัวคุณให้ดีก่อนนะครับ เพราะไม่เช่นนั้นคุณจะเสียดายเงิน และถ้าคุณมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงและเทปด้วย แผ่นนี้ขอให้ซื้อเป็นแผ่นเถอะครับ แพงขึ้นอีกมาก แต่เพื่อความสมบูรณ์ในการฟังของพวกคุณ ถ้าคุณฟังแผ่นนี้แล้วเข้าถึงจงภูมิใจได้แล้วว่าคุณก็เป็นหนึ่ง ราคาคง 350 บาท เพราะตอนนี้แผ่นมาจากเรือคงไม่มีแล้ว สำหรับผม นี่เป็นแผ่นที่ดี แต่ยังคงไม่สมบูรณ์แบบ
ก่อนจบขอพูดถึงบริษัทแบลงค์สักนิด รู้สึกว่าคนจัดเทปส่งมาให้จะรู้ว่าผมชอบฟังเพลงประเภทไหนจริงๆ และถ้าจำไม่ผิด ยังไม่มีผลงานชุดไหนของแบลงค์ที่ผมตีเลย รู้สึกว่าเข้าใจเลือกผลงานดีๆส่งมา และส่วนมากก็เป็นผลงานที่ผมมีอยู่แล้วด้วย เลยเขียนได้ง่าย แต่ครั้งนี้ขอตินิดเถอะครับ ออกหน้าปกเทปชุดนี้มาว่าชุด 4 คุณเป็นบริษัทจัดจำหน่าย เรื่องอย่างนี้ไม่ควรพลาด และไม่ใช่เรื่องเล็ก เป็นการให้ข้อมูลแบบผิดๆที่ไม่สมควรเกิดขึ้นกับบริษัทจัดจำหน่าย ควรทำงานให้ระมัดระวังกว่านี้เมื่อคุณจับงานใหญ่แล้ว
แนวดนตรี - ริธึ่ม
โปรดิวเซอร์ - David Lord & Peter Gabriel
SP 178
SP 178
No comments:
Post a Comment