Dire Straits :: Love Over Gold (1982)

แนวดนตรี - Rock
Producer - Mark Knopfler

ถ้าคุณอ่านคอลัมน์ของผมประจำ คุณคงสังเกตออกว่า ผมเป็นนักเล่นแผ่นเสียง และถ้าคุณสังเกตอีกนิดจะเห็นว่า ข้อเขียนของผมเป็นเหมือนการพูดคุยกันมากกว่า บางคร้้งใช้ถ้อยคำที่รุนแรง (บ่อยด้วย ) เพราะเขียนในฐานะนักเล่นแผ่น คำพูดต่อไปนี้อาจจะฟังดูไม่เพราะ แต่ขอให้อ่านด้วยความเป็นกลางนะครับ ผมคิดว่าผมรู้ถึงความรู้สึกของนักฟังเพลงที่จับจ่ายเงินซื้อผลงานแล้วได้ผลงานที่ไม่ค่อยดีไป หรือไม่ตรงกับแนวการฟังของตนเองไปจะรู้สึกเช่นไร ทั้งนี้เพราะสมัยเมื่อผมเล่นแผ่นเสียงใหม่ๆ ผมก็ประสบปัญหาเช่นนี้มาก อาจเป็นเพราะสาเหตุนี้จึงมีคอลัมน์วิจารณ์แผ่นเสียงหรือสิ่งต่างๆเกิดขึ้นทุกแห่ง แต่ผมอายเกินกว่าที่จะกล้ารับคำพูดที่พวกคุณบอกว่าช่วย"วิจารณ์" แผ่นชุดนั้นชุดนี้ให้ฟังทีซิ ผมไม่ทราบว่าจะวิจารณ์อย่างไร กล้ารับอย่างไม่อายเลยครับ แต่ถ้าจะให้แนะนำหรือพูดคุยถึงผมไม่ปฏิเสธเลย ดังนั้นข้อเขียนของผมจึงค่อนข้างจะเป็นในแนว "โอเลี้ยงแก้วเดียว" มากขึ้น

ผมอยากจะเตือนคุณในการที่จะก้าวมาสู่การเป็นนักฟังเพลงที่ดีว่า อย่าเชื่อคอลัมน์พูดคุยถึงแผ่นเสียง โดยเฉพาะของผม นักเล่นแผ่นเสียงที่ดีโดยเฉพาะในเมืองไทย (เพราะข้อแม้ของเรากับเมืองนอกต่างกัน) ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

1.เงินถึง เพราะราคาแผ่นเสียงของไทยค่อนข้างแพง ยกเว้นที่เซ็นทรัลถูกกว่าเมืองนอกอีกครับ ยกเว้นตอนที่เขา Sale ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่า นักเล่นแผ่นเสียงจะต้องมีฐานะปานกลางที่เขยิบไปในด้านดี แล้วอย่าไปไกลถึงช่องว่างระหว่างอะไรก็ตามนะครับ ถ้ามีเวลาจะอธิบายให้ฟังถึงข้อดีและเสียระหว่างแผ่นเสียงกับเทป ตอนนี้ขอให้คุณเป็นคนรักในการฟังเพลงจริงๆก่อนนะครับ คุณคงจะไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของนักเล่นแผ่นว่าเมื่อติดแล้ว มันเข้าไปถึงกระดูกเลยครับ ผมเคยอดไปเที่ยวทั้งอาทิตย์เพื่อจะซื้อแผ่น Peter Gabriel และมีนักเล่นแผ่นเสียงที่มีประสบการณ์เช่นนี้ เพื่อนผมเคยเอาเงินซื้อกางเกงไปซื้อแผ่นเสียงของ Montrose

2.ใจกล้า ในที่นี้หมายความว่า คุณจะต้องกล้าซื้อผลงานของวงที่คุณไม่รู้จักไม่เคยฟัง มาลอง ผมกล้าพูดว่าวง ABC ผมได้มาก่อนที่จะดังในอังกฤษอีกครรับ ไม่เชื่อไปถามเถ้าแก่ร้านเร็กซ์ดูได้ และก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆสำหรับวงนี้ ตอนแรกคุณอาจจะประสบความล้มเหลวบ้าง ผมก็เคย จะแนะนำให้คุณถามร้านขายแผ่นเสียงก็ไม่แน่ใจ เพราะผู้ขายอาจจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ ดังนั้นจึงต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขประการที่ 3 คือ

3. สนใจ ถ้ารักจะเป็นนักเล่นแผ่นเสียงที่ดีคุณจะต้องสนใจจริงๆ เงินทุกบาททุกสตางค์จึงจะคุ้มค่า คอลัมน์แนะนำแผ่นเสียงจึงมีประโยชน์เช่นนี้ เพราะเขาจะเป็นผู้บอกแนวทางแก่คุณ สำหรับวงที่คุณไม่รู้จัก หรือรู้จักแต่ชื่อไม่รู้จักแนว แต่ขอให้เชื่อผม ฟังหูไว้หู นักฟังเพลงที่เก่งที่สุดในโลกมีครับ เพราะคือตัวของคุณเองนั่นเอง ไม่มีใครจะรู้ถึงความชื่นชอบในการฟังเพลงของตัวคุณเท่ากับตัวคุณเอง คุณยังต้องขอเงินคุณพ่อคุณแม่อยู่ (ไม่นับพวกทำงานมีเงินเดือน) เพราะเวลาคุณซื้อผลงานเพลงชุดหนึ่งไปด้วยการเชื่อคำแนะนำ เพราะผลงานชิ้นนี้ดังในเมืองนอก ฯลฯ แล้วคุณผิดหวัง ผู้แนะนำเขาไม่ได้มาผิดหวังกับคุณ เขาไม่ได้เป็นคนออกเงินให้คุณไปซื้อ เงินทุุกบาททุกสตางค์พ่อแม่คุณเป็นคนหามา ถ้าไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์แล้วคุณว่าใครล่ะครับน่าสงสารมากที่สุด แต่ถ้าแผ่นเสียงชุดนั้นทำให้คุณมีความสุข ก็คุ้มค่าเงินคุณแล้วครับ แม้ว่าแผ่นเสียงนั้นจะไม่ดัง หรือไม่ได้รับคำยกย่องจากนักแนะนำเลยก็ตาม

ก้าวขึ้นมาสู่เป็นนักฟังเพลงที่ดี ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง มีวิจารณญาณที่ถูกต้อง และอุดมไปด้วยเหตุและผล แล้วคุณจะกลายเป็นนักฟังเพลงที่เก่งที่สุดในโลก แต่จำไว้นะ คุณเป็นแค่ในโลกของคุณเท่านั้น ถึงแม้ว่านี่จะเป็นหลักของนักเล่นแผ่นเสียง แต่ว่ากันตามจริงแล้ว นักเล่นแผ่นเสียงก็คือนักฟังเพลงใช่ไหมครับ

ที่เอาเรื่องนี้มาพูดเพราะเวลาผมจะชมวงไหนโดยเฉพาะร็อคแล้วให้ถึง 4 ดาวทีไร มีความรู้สึกเขินทุกที เพราะนานๆจะเห็นแผ่นที่มีความดีเด่นสมบูรณ์โผล่ขึ้นมาให้ฟังสักที และ Dire Straits นี้เป็นหนึ่งในจำนวนที่มีคนขอให้เขียนถึงมากที่สุดแผ่นหนึ่ง ความจริงแผ่นนี้ (ถึงจะถ่ายรูปเป็นเทปแต่ผมมีแผ่นอยู่ในมือครับ) ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาเขียนถึงเลย เพราะตัดแผ่นส่วนตัวออกไปแล้ว (อ่านได้ในคุยกันฉันท์เพื่อน และที่จริงก็จะนำไปรวมในส่วนของ What's Addition ที่เปิดใหม่อยู่ท้ายเดินตามร่อง) ดังนั้นก็ให้คุณผู้อ่านเข้าใจว่ากำลังจะได้อ่านแผ่นส่วนตัวของผมก็แล้วกันนะครับ แล้วจะเขียนให้ฟังอย่างละเอียด

ในจำนวนมือกีต้าร์ที่ผมยกย่องให้เป็น simple is the best มีสามคนเท่านั้นตอนนี้ที่คิดออก ก็คือ Lou Reed คนนี้ฝีมือน่ากลัวมากด้านการแต่งเพลง ซึ่งส่วนมากจะเน้นไปในด้านการเมืองบ้างพอสมควร ส่วนมากจะถูกใจนักวิจารณ์แต่ไม่ถูกใจคนฟัง อีกคนคือ Mark Knopfler มือกีต้าร์ของ Dire Straits นี่เอง จนผมกลัวว่า สมาชิกคนอื่นของวงจะทนการที่เขาชิงความดีเด่นจากความเป็น Dire Staits ไปเสียหมดไม่ได้ ความจริงผลงานของวงนี้ควรจะเป็นผลงานเดี่ยวของเขาหมด โดยมีสมาชิกคนอื่นเป็นผู้เล่นแบ็คอัพให้เท่านั้น เพราะถึงแม้สมาขิกคนอื่นจะมีฝีมือดีขนาดมืออาชีพก็ตาม แต่ก็โดนเขาแย่งความสง่างามในเสียงเพลงไปหมด อันที่จริงไม่น่าจะใช้คำว่าแย่ง เพราะฟังจากแผ่นทีไรมีความรู้สึกว่าเขาเด่นที่สุดทุกที อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นผู้แต่งเพลงทั้งหมดก็ได้ (รู้สึกว่าผลงานเก่าๆเขาจะเป็นผู้แต่งเองทั้งหมดเหมือนกัน) ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าการเล่นกีต้ร์ในแบบ simple is the best เป็นเช่นไร ก็ลองหาแผ่นชุดนี้มาฟังดูสิครับ

ดนตรีของวงนี้ก็เหมือนกับที่พวกเขากล่าวล่ะครับ ฟังเผินๆก็แคไพเราะ แต่ถ้าฟังดูให้ลึก จะเห็นถึงความประณีตบรรจง และความมีศักยภาพของดนตรีที่สมบูรณ์แบบ จาก Sultans Of Swing เพลงฮิตเพลงแรกของเขา จนถึงแผ่นชุด Love Over Gold นี้ แสดงให้เห็นได้ชัดว่าวงนี้ผยองและยโสในความเป็นศิลปินของตนเองขึ้นมาก ความมีอัตตาแสดงออกมาให้เห็นเด่นชัด เขาทิ้งสูตรสำเร็จแห่งการสร้างซิงเกิ้ลฮิตออกไปหมด

สูตรสำเร็จของซิงเกิ้ลก็คือดนตรีที่ถูกจำกัดขอบเขตในด้านการแสดงออกและความยาวของเพลง ซึ่งส่วนมากจะไม่เกิน 3 นาที แต่ไม่ควรเกิน 5 นาที แม้กระทั่ง Moody Blues ตอนแต่งเพลง Night In Whte Satin เป็นซิงเกิ้ล ยังต้องตัดทอนความยาวของเพลงเพื่อเป็นสูตรสำเร็จเลยครับ แต่วงนี้ตัดเพลง Private Investigations ออกเป็นซิงเกิ้ลด้วยความยาว 6 นาที (ตามที่หนังสือเมืองนอกเขียนไว้ ซึ่งแสดงว่าเพลงนี้ต้องโดนตัดออกไป 1 นาที เพราะความจริงแล้วเพลงนี้ยาว 7 นาที ไม่ทราบว่าแค่นาทีเดียวตัดทิ้งไปทำไม เมื่ออัตตาตัวเองสูงขนาดตัดความยาวเกิน 5 นาทีออกมาแล้วก็น่าจะทำให้สมบูรณ์เลยนะผมว่า เวลาในหนังสือเมืองนอกอาจจะผิดก็ได้ แต่ไม่น่าผิดยิ่งอเมริกานี่เขาถี่ยิบในเรื่องสถิติมาก) ดูการอินโทรกีต้าร์ของ Mark สิครับ คลาสสิคแท้ๆเลย (คลาสสิคในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแนวดนตรีนะครับ แต่มีความหมายมากกว่าคำว่า Very Best) เสียงร้องก็เหมือนการรำพึงรำพัน แต่เข้ากับจังหวะดนตรีในแบบที่ไม่น่าเป็นไปได้ แล้วอย่างนี้จะไม่ยกย่องให้เขาเป็น Simple Is The Best ได้เชียวหรือ ฟังดูดีๆแล้วคุณสังเกตเหมือนผมไหม ลำพังกีต้าร์ในเพลงนี้มีทำนองแบบฟลามิงโก้เข้าไปสอดประสานบ้าง เครือ่งดนตรีชิ้นอื่นโดยเฉพาะคีย์บอร์ดซึ่งส่งสำเนียงคล้ายเปียโนมากเลย เพลงนี้เพลงเดียวก็คุ้มค่าแล้วสำหรับแผ่นนี้

อย่่างเพลง Telegraph Road ความยาวตั้ง 14.20 นาที แต่ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกเบื่อเลย โดยเฉพาะการเป็นแค่เพลงร็อคธรรมดาๆ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ทำดนตรีนั้นจะต้องมีลักษณะแห่งการทราบแรงจูงใจในรสนิยมของคนฟังว่า จะทำเช่นไรคนฟังจึงไม่เบื่อ ไม่สามารถจะบรรยายถึงความดีเด่นของเพลงนี้ได้ แต่อยากจะบอกว่าเพลงนี้เหนือกว่าเพลง Private Investigations ครับ

นักกีต้าร์ที่เก่งก็ต้องมีแนวดนตรีของตนเอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะต้องมี นั่นคือแนวแฝงของดนตรี เท่าที่ฟังดนตรีมามากผมว่าวงที่มีแนวดนตรีแน่นอนแต่มีแนวแฝงแทบทุกเพลงก็คือ Led Zeppelin (อยากจะนำแผ่น Coda มาพูดถึงจัง) อย่างที่บอก Dire Straits ก็คือตัว Mark ดังนั้แนวแฝงจึงอยู่ที่เขาเป็นหลักใหญ่ อย่างเพลง Industrial Disease มองเห็นได้ชัดว่ามีแนวคันทรี่เข้าไปประสมมากทีเดียว อย่างนี้สิครับที่คู่ควรจะบอกว่าทำดนตรีให้มีคุณค่าทุกลีลา

ผมไม่เข้าใจเลยว่า Dire Straits ทำไมไม่ตัดเพลง Love Over Gold เป็นซิงเกิ้ล ถ้าจะเอาความไพเราะแล้วผมว่าเหนือกว่า Private Investigations ครับ ความหมายของเพลงก็ดี ถ้าจะมีอย่างหนึ่งที่สู้ไม่ได้ก็คือ ศักยภาพแห่งการเล่นกีต้าร์ เพลง Love Over Gold โชว์ฝีมือกีต้าร์ของ Mark (ที่จริงก็โชว์ทุกเพลง แต่ทำได้ดีจนไม่อยากจะพูดว่าออกหน้าออกตา) ไม่เด่นเท่า Private... แต่ Love Over Gold มีท่วงท่าแห่งความเป็น Dire Straits ไม่เหมือนเพลง Private... ที่ท่วงท่าเป็นของ Mark แทบทั้งหมด

อย่างเพลง It Never Rains ธรรมดาแล้วเราไม่ค่อยจะได้เห็นถึงการโชว์กีต้าร์อันว่องไวของ Mark เท่าไรนัก ในเพลงนี้เขาโชว์ให้ดูกันเลย ซึ่งผิดกับช่วงตอนต้นของแผ่นนี้เลยครับ

สำหรับใจผมแล้วคิดว่าแผ่นนี้น่าจะสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ถ้าวันหนึ่งข้างหน้ามีคนบอกผมว่าวงนี้แตกกันผมจะไม่แปลกใจเลย เพราะทุกวันนี้ Dire Straits ก็คือ Mark Knopfler เห็นได้ชัดว่าเขาผยองและยโสในความมีฝีมือของตัวเองมาก ซึ่งผมคิดว่านักดนตรีที่ดีควรจะมีความคิดอันนี้ไว้ ผยองและยโสโดยมีฝีมือ แต่อย่าแสดงถึงความไม่มีฝีมือออกมาโดยความผยองและยโสล่ะ มันเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน

ซึ่งคุณจะสังเกตได้จากการแต่งเพลง เนื้อยาวมากในหลายๆเพลง เล่นคำพูดมาก รู้สึกว่า Mark จะใช้ความรู้ดั้งเดิมแสดงออกมามากเลย เพราะแต่ก่อนเขาเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ การที่วงนี้เพิ่มบทบาทของคีย์บอร์ดหรือซินธีไซเซอร์ขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะลดบทบาทททางกีต้าร์ของเขาลงไปเลย เพียงแต่เสียงคีย์บอร์ดนั้นไปเพิ่มความสดใสให้กับเพลงเท่านั้น

แนวดนตรีของวงนี้ นักวิจารณ์เมืองนอกเขายังไม่กล้าบ่งบอกเลยว่าเป็นแนวไหน เป็นเร็อคก็จริงแต่มีแนวแฝงอยู่เยอะ ดังนั้นผมจึงเรียกแนวดนตรีของวงนี้ว่าร็อคนะครับ

อยากจะให้คนที่นึกว่าดนตรีเฮฟวี่เป็นดนตรีที่โชว์ความสามารถของนักดนตรี มาฟังอัลบั้มนี้ดูสักครั้งหนึ่ง แล้วคุณจะทราบว่า ถ้าคนมีฝีมือแล้ว แนวดนตรีอะไรก็โชว์ความสามารถได้ทั้งนั้น

จงมองดูไปข้างหลัง เพื่อจะทราบถึงประวัติของดนตรีในนอดีต แต่จงมองดูไปข้างหน้าด้วยจินตนาการของตัวเอง เพื่อจะทราบถึงแนวดนตรีในอนาคต วงนี้คือผู้ที่จะอยู่ได้ทุกสมัย ด้วยแนวดนตรีที่เรียบง่าย แต่มีความสามารถ ถ้า Mark Knopfler ยังคงอยู่

SP 174

No comments:

Post a Comment