ต้องไปค้นประวัติของเขามาแทบแย่ พอจะรู้เลาๆว่าเป็นกลุ่มนักดนตรีร่วมกันเฉพาะกิจ (ใช้อย่างกับภาษาราชการแน่ะ) เป็นกลุ่มเด็กหนุ่มที่ยังเรียนอยู่ 'ถาปัดจุฬาฯ เอาแค่นี้พอนะครับประวัติ เพราะไม่รู้อะไรมากกว่านี้อีกเท่าไหร่นักหรอก
องค์ประกอบที่จะรวมกันเป็นนักดนตรีมีอะไรบ้าง โอ้โฮเยอะแยะตาแป๊ะขายไก่เลยครับ แล้วองค์ประกอบที่จะทำให้ดนตรีดังขึ้นมาล่ะ อะไรบ้าง ก็เยอะแยะอีกเช่นกัน เพราะต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและโอกาสอีก แต่สำหรับเพลงไทยล่ะ มีอะไรที่พอจะมองเห็น ก็มีท่วงทำนองซึ่งเน้นไปในด้านความไพเราะซึ่งก็คือ Melody และเนื้อร้อง
กลุ่มเฉลียงมีคุณสมบัติในสองด้านที่กล่าวมานี้ไม่เท่าเทียมกัน สำหรับในด้านท่วงทำนอง กลุ่มนี้มีคุณสมบัติแห่งความเป็นเอกลักษณ์ในดนตรีไทยทั่วๆไป แต่ไม่มีคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ในความเป็นตัวของตัวเอง อันที่จริงผมอยากจะพูดถึงแค่นี้แล้วก็หยุด แต่ก็กลัวจะมีการตีความผิดเอามากทีเดียว ซึ่งถ้าอธิบายจะทำให้ข้อเขียนยาว วงดนตรีนั้นจะต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ยกตัวอย่างวงต่างประเทศเช่น Led Zep, Deep ในแนวเฮฟวี่ ในแนวป๊อบก็ Air Supply นักร้องชายก็ Christopher Cross แนวโพรเกรสซีฟเช่น Yes และอีกหลายๆแนว ซึ้งถ้าเป็นนักฟังเพลงที่เป็นนักฟังเพลงพอได้ยินเพลงขึ้นถึงเขาจะไม่รู้จักเขาก็จะทราบทันทีว่าเป็นแนวของวงไหน อย่างวง Pretenders คนฟังที่สนใจจะจับได้ทันทีว่ามีลักษณะของวง The Kinks จริงอยู่นี่เป็นแผ่นชุดแรกของกลุ่มเฉลียง แต่เขายังไม่ได้ทำให้เห็นว่า เขามีอะไรที่เป็นแนวบอกหนทางแก่ตัวเองในด้านท่วงทำนอง ไม่ต้องไปเอาตัวอย่างวงรุ่นพี่ที่เขาไม่ยอมเดินแล้ว พวกแช่อยู่ในน้ำที่มีเงินล้อมรอบ เพราะเขามียักษ์ใหญ่เป็นแบ็คกราวด์ให้
ต่อมาเรามาพูดถึงด้านเนื้อร้อง หลักใหญ่ของการแต่งเพลงคล้ายกับการเขียนบทกวีในแง่ที่ว่า ใช้ถ้อยคำให้น้อยแต่กินใจความให้มาก กลุ่มเฉลียงทำทีว่าน่าจะทำได้สำเร็จทีเดียว เช่นเพลงวณิพก คือประโยคที่ว่า "ต้องข่มใจร้องขอทาน" และ "ร้องเพลงของขอทาน" ถ้าไม่มีสองประโยคนี้จะไม่ใช่วณิพก แต่เป็นเพียงขอทานเท่านั้น นี่คือคุณลักษณะของการใช้ถ้อยคำให้น้อยแต่กินใจความได้มาก
นอกจากกลุ่มเฉลียงจะมีคุณสมบัติเช่นเบื้องต้นแล้ว ยังมีคุณสมบัติอีกข้อหนึ่งคือ การใช้ถ้อยคำในการสื่อความหมาย เพลง "เธอกับฉันกับคนอื่นๆ" ถ้าฟังเผินๆก็อย่างนั้นแหละ แต่ถ้าคิดถึงเนื้อร้อง กลุ่มเฉลียงสื่อความหมายได้ลึกแต่ไม่แจ่มแจ้ง ประโยคที่ว่า
"เธอนายพล...ฉันนายพัน
ดาวสองอันรวมกันเป็นสองดาว"
"ทหารเรานั้นรวมกันเป็นสองหมื่น
พลแม่นปืนรวมกันเป็นแสน
เพื่อนของเรา....เขาก็ผู้แทน
รวมชายแดนนครบาล เจ็ดล้านคน"
"ข้าราชการ ทหาร ประชาชน
คนหลายคนรวมกันเป็นหลายคน"
ซึ่งเพลงนี้น่าจะสื่อความหมายได้ว่า ไม่ว่าเศรษฐีหรือยาจก มันก็คนเหมือนกัน เท่าเทียมกันในด้านความเป็นคน แต่แตกต่างกันในด้านฐานะ หรือในฐานะรูปธรรมต่างกัน แต่นามธรรมเหมือนกัน
เป็นคุณสมบัติในการใช้เนื้อร้องสื่อความหมาย บอกเหตุบอกผลแต่ไม่บอกวิธีแก้ แต่สวยมากครับ เนื้อเพลงเข้าถึงจริงๆ
หลายต่อหลายเพลงมีเนื้อร้องดีมาก เช่นเพลงอยากมีหมอน ใช้คำว่า "หมอน" แทนบุคคลหรือผู้ที่เข้าอกเข้าใจเรา ในยามที่เราผิดหวังต้องการที่จะพักผ่อน ต้องการคนให้กำลังใจ ที่ผมบอกว่า "หมอน" น่าจะหมายความเช่นนั้น เพราะจากเนื้อที่ว่า
"ปักลวดลาย รูปพระจันทร์
รูปตะวัน รูปสัตว์เลี้ยง
รูปมนุษย์ รูปน้ำใจ"
แค่คำว่ารูปน้ำใจ คำพูดประโยคเดียว แค่ 3 คำนี้สื่อความหมายได้กินใจความขนาดนี้ แน่มาก แสดงให้เห็นว่าคนคิดมีไอเดียดี
ไม่ว่าจะเป็นเหตุบังเอิญ หรือจงใจ แต่เราจะค้องคิดเป็นความจงใจเสมอ เพราะเมื่อศิลปิน (ใช้คำว่าศิลปินนะครับไม่ใช่นักดนตรี) สร้างผลงานขึ้นมา ถ้านักเขียนสามารถพบเห็นความดีเด่นของเพลง ต้องยกให้กับเจ้าของเสมอ เพราะอย่างน้อยก็เป็นความสามารถของศิลปินผู้นั้น ไม่ใช่ผู้พบเห็นหรือชี้แนะ
มีอีกหลายต่อหลายเพลงที่มีเนื้อร้องอยู่ในระดับดีขนาดนี้ เช่นเพลง "ใยแมงมุม" เพลง "สะดุด" รู้สึกว่าแฟนตาซีไปหน่อย
ไม่ขอพูดทุกเพลง แต่อยากจะบอกถึงจุดดีเด่นและจุดที่เห็นว่าแปลกให้ฟังเท่านั้น ถ้าอ่านดูออกจะเป็นวิชาการ (เพราะแฟนหนังสือส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น คงจะไม่ชอบการเขียนที่หนักๆนัก) แต่ก็ขอให้เข้าใจว่าดนตรีนั้นเป็นศาสตร์ ไม่ใช่แค่เป็นเพียงเพลง
ผลงานของเฉลียงเป็นดนตรี ผลงานของเขาไม่ใช่แค่เพลงที่ฟังแล้วผ่าน ขอให้เข้าใจว่าข้อเขียนเช่นนี้เป็นการชม แต่ไม่ชมจนไร้เหตุผล อยากจะดูผลงานชิ้นต่อไปของคุณว่าสามารถแก้ไขในท่วงทำนองอันจะดึงมาเป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้ไหม
รวมความแล้ว นี่เป็นผลงานที่ดีสำหรับดนตรีไทยที่เริ่มพัฒนาไม่หยุดอยู่กับที่แล้ว
SP 175
SP 175
No comments:
Post a Comment