หมายเลขแผ่น - 810119-1 TXS 140
โปรดิวเซอร์ - Pip Williams for Handle Artists
สังกัด - Threshold
ราคา - 5.98 เหรียญอเมริกา + อีก 100 บาทไทย (ถ้าจะให้อธิบายว่าทำไมถึงเป็นราคาอย่างนี้จะยาวมาก แต่รับรองว่าไม่ได้โกหก)
ออกปี - 1983
แนวดนตรี - Classical Rock
หลังจากส่งต้นฉบับไปได้สัก 3 วัน ผมก็ได้รับแผ่นชุดนี้มา และก็ตามสัญญาว่าจะพูดถึง ก็เลยจับเอามาพูดกันเลย ถ้าผมคาดไม่ผิดการตั้งชื่อหน้าปกแผ่นนี้สอดคล้องกับชุดที่แล้วนะครับ จากการเดินทางอันแสนจะยาวนาน (Long Distance Voyager) ซึ่งได้อธิบายไปแล้ว รวมทั้งเลศนัยแห่งหน้าปกแผ่นด้วย จนมาถึงเวลาในปัจจุบัน (Present) ที่ผมคิดเช่นนั้นเพราะรูปแบบหน้าปกแผ่นสื่อความหมายออกมาเช่นนั้น หน้าปกแผ่น ถ้าเราจะมองกันแค่หน้าปกด้านหน้าของปก คุณจะเห็นรูปผู้หญิงสองคน ซึ่งแต่งกายเหมือนกับคนสมัยกรีกหรือโรมัน แต่ถ้าเราขยายแผ่นออกมาหมด จะเห็นว่าที่เรามองเห็นเป็นคนยุคโบราณน่ะไม่ใช่ แต่เป็นคนยุคอนาคต ดูบ้านเมืองเขาสิครับ ดูจานบินสิครับ และสิ่งสำคัญที่จะพูดถึงก็คือ รูปดาวเทียมเหนือจานบินนั้นเหมือนกันเปี๊ยบในรูปแบบกับดาวเทียมในแผ่นที่แล้วครับ แต่ไม่แน่ใจว่า แผ่นชุดนี้จะเป็น concept LP หรือไม่ เพราะไม่มีโอกาสได้อ่านเนื้อเพลงโดยละเอียด เหตุผลสำคัญคือขี้เกียจแปลเอามากๆ แต่จากการที่อ่านคร่าวๆ รู้สึกว่าจะไม่ต่อเนื่องกันมากนัก อันที่จริงชุดที่แล้วก็ไม่ค่อยต่อเนื่องกันมากนัก แต่ถ้ามีจินตนาการสักหน่อย จะเห็นว่าเพลงต่างๆเข้ากันได้ไม่เลว แต่ชุดนี้ไม่แน่ใจ ก็ไม่อยากที่จะนั่งเทียนบอก เพราะพอได้ชุดนี้มาก็นั่งฟังกันแต่ชุดนี้ เพราะต้องเขียนถึง ซึ่งตามปกติผมเป็นคนชอบดองแผ่นนะครับ บางชุดซื้อมาตั้งนานไม่ได้แกะซองเลยก็ยังมี แต่ส่วนมากซื้อมาก็นั่งฟังรอบสองรอบ เอาเป็นไอเดียไว้ก่อน พอมีใครถามถึงแผ่นนั้นแผ่นนี้ก็ไปนั่งฟัง ถ้าไม่มีก็วิ่งไปซื้อเทป (เพราะถ้าไม่แน่ใจไม่อยากจะเล่นแผ่นครับ) มาฟัง เมื่อว่างจริงๆแล้วถึงจะนั่งฟังจริงๆจังๆครับ แต่ขอให้แน่ใจได้ว่า ศึกษาก่อนเขียนทุกชุดครับ
ถ้าคุณเป็นแฟน Moody Blues มานาน จะมีแผ่นหรือไม่มีก็ตาม (โธ่คุณ! ใครจะมีแผ่นทุกแผ่นในโลกได้ครับ) แต่ถ้าได้ฟังแล้วยังพอจดจำเพลงของเขาได้ คุณจะเห็นได้ชัดเลยว่า Moody Blues ยุคแรกกับยุคปัจจุบันไม่เหมือนกัน แม้จะเรียกแนวดนตรีของเขาว่า Classical Rock เหมือนกันก็ตาม เพลงฮิตยุคเก่าๆของเขา เช่น Night In White Satin, My Sweet Lady เป็นต้น คุณจะเห็นได้ว่า ดนตรีของเขาสูงส่งสง่างาม ดนตรีของเขากับคนฟัง ดูแล้วเหมือนจะแยกออกจากกัน ระหว่างตัวของ Moody Blues กับคนฟัง ผลงานของเขาที่มีลักษณะแนวโน้มเช่นนี้มาจนถึงผลงานชุด Octave ซึ่งรู้สึกว่าชุดนี้ค่อนข้างจะเครียดและยิ่งใหญ่ (ว่างๆจะเอามาพูดถึง) มาก จนกระทั่งหาเพลงที่จะติดหูคนฟังได้ยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นผลงานที่ไม่ดีนะครับ เป็นผลงานที่ดีครับ แต่หลังจากชุดที่แล้ว ถ้าสังเกตจริงๆ Moody Blues ได้เริ่มเขยิบช่องว่างระหว่างตัวของเขากับคนฟังให้เข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้น จนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันได้เลย ผลงานชุดนี้เริ่มเดินย่ำรอยชุดที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้เราจะปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นผลงานที่ดีชิ้นหนึ่งที่น่าซื้อ แต่สำหรับคนที่ติดตามกันมานาน อาจจะอดไม่ได้ว่ามันน่าจะดีกว่านี้ การทิ้งช่วงถึงสองปี เพื่อจะออกแผ่นอีกชุดเป็นระยะเวลาไม่นานเลยสำหรับพวกเขา แต่ก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากสำหรับคนที่เป็นแฟนเพลงของพวกเขา ไม่แน่ใจว่าชุดนี้เขาจะสามารถสร้างซิงเกิ้ลดังๆได้อย่างชุดที่แล้วไหม เพราะถ้าเขาสามารถสร้างได้ เขาจะสามารถดึงชื่อเสียงของเขาให้คงอยู่ต่อไปได้ในสายตาของนักฟังเพลงทั่วๆไป แต่ในสายตาแฟนเพลงจริงๆของเขา ไม่ทราบว่าจะคิดเช่นไร เพราะพวกเขาไม่ใช่วงร็อคที่เล่นดนตรีกันแบบดาษดื่น แต่เขาเป็นวงระดับพระกาฬที่สร้างดนตรีอันเป็นรูปแบบขึ้นมา ให้วงรุ่นน้องหลายต่อหลายวงนำไปเป็นแบบอย่างแนวดนตรีเช่นนี้ เขาสร้างดนตรีที่ดีอย่างเดียวไม่พอ ถ้าไม่สามารถสร้างหนทางแห่งความเจริญเติบโตในแนวดนตรีของตนเองได้
คนที่รู้จัก Moody Blues ต่างก็ทราบว่า Justin Hayward และ John Lodge คือหัวใจของวง เพราะเขาสร้างผลงานอันเกริกเกียรติเกรียงไกรให้ Moody Blues ไม่น้อยเลย (แล้วจะเอาแผ่นของเขาทั้งคู่มาเขียน) แต่บุคคลที่มีความเป็น Moody Blues มากที่สุดในสายตาของผมคือ Ray Thomas ครับ ในแผ่นชุดที่แล้วของเขา Moody Blues เป็นคนให้ Ray Thomas เขียนบทจบให้กับดนตรีชิ้นนั้น ชุดนี้ก็เช่นกัน และถ้าคุณจำแนวดนตรีของ Ray ได้ ผมคิดว่าคนเขียนบทเพลงฟังยากที่สุดในวงก็คือเขา สั้นๆแต่กินใจความ อย่างเพลง The Balance (จากชุด Question Of Balance) และอีกหลายต่อหลายเพลงคิดไม่ออกครับตอนนี้ ลักษณะการเขียนเพลงของเขาที่เคยเห็นคือ ค่อนข้างจะซีเรียสอย่างออกหน้าออกตากันเลยทีเดียว ดังนั้นเพลงของ Ray ส่วนมากจึงไม่เหมาะจะเป็นเพลงเอกในแบบที่จะออกซิงเกิ้ล อย่างชุดนี้มีสองเพลงที่เขาแต่งคือเพลง I Am และเพลง Sorry ขอคัดเลือกเนื้อเพลง I Am อันเป็นเพลงสั้นๆแค่ 1.41 นาทีลงให้อ่านกัน
Salt water never grew roses
Seem roses can't grow in the sea
A river can fashion a valley
From a thousand sweet drinking streams
I am
I am
I am the son
Yes I am
I am the son
Yes I am the son of love
I am
Burn in the times when eyes could see
What's written in the stars
Freedom was ever
And ever was never far
I am
(I am)
ถึงแปลแล้วคุณก็คงจะไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าแปลต่อจากเพลง Sorry คุณอาจจะเข้าใจอะไรๆได้ดีบ้าง แต่บางทีก็อาจจะไม่เข้าใจเลยในแบบเพลง I Am ก็ได้ แต่ที่เอาลงให้ดูก็เพื่อจะให้คุณเข้าใจ (หรือบางทีอาจจะไม่เข้าใจเลยก็ได้) ว่านี่ล่ะครับ คือลักษณะของ Moody Blues ซึ่ง Ray มีเต็มเปี่ยมทีเดียว คือเขาจะไม่เขียนอะไรออกมาอย่างโจ่งแจ้งหรือเห็นได้ชัด แต่เขาจะให้เราสร้างภาพพจน์กันเอาเอง ถ้าเราจะมาพูดถึงท่วงทำนองของเขา ก็คงจะลึกล้ำในแบบเนื้อเพลง โดยเฉพาะ I Am มีท่วงทำนองออกไปทางตะวันออก ซึ่งเขาใช้บรรเลงหลายต่อหลายครั้งแล้ว จนเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปเลย
เพลงอื่นๆในชุดนี้คิดว่ามีหลายเพลงที่น่าจะติดหูพวกคุณกันได้ง่ายๆครับ และถ้าตัดออกเป็นซิงเกิ้ลก็คงจะได้หลายเพลง (ในขณะที่เขียนยังไม่มีซิงเกิ้ลออกนะครับ) โดยเฉพาะ Blue World ท่วงทำนองออกป๊อบมากๆ และถ้าจะว่ากันตามความจริงแล้ว ชุดนี้จะเน้นไปในด้านป๊อบมากขึ้น คือเริ่มมีความรู้สึกว่า Moody Blues เริ่มจะเป็นตลาดๆมากขึ้น ทำไมหมู่นี้วงระดับพระกาฬถึงสร้างผลงานออกมาตรงข้ามกับฝีมือก็ไม่รู้ แต่อย่างที่บอกไว้ว่าเป็นเพลงที่ดีครับ แต่ผมชอบตั้งความหวังกับวงระดับนี้ ซึ่งอาจจะสูงไปนะครับ
ตามปกติแล้ว Moody Blues ไม่ค่อยมีเพลงบรรเลง (รู้สึกจะไม่เอาเลยมั้ง ไม่แน่ใจครับ) แต่ Moody Blues มีเทคนิคอย่าง คือการอินโทรดนตรี และการกลับดนตรีกะทันหัน หรือรายการอินโทรนานๆแล้วค่อยๆเข้าสู่การบรรยาย(คือเสียงร้องเพลงนั่นเอง) แต่ชุดนี้มาแปลกครับ อย่างเพลง Hole In The World เป็นเพลงบรรเลงสั้นๆ แล้วติดกันไปกับเพลง Under My Feet ซึ่งตามปกติหลักแล้วไม่ต้องมีเพลง Hole In The World เลยก็ได้ แต่สงสัยเขาต้องการย้ำอะไรบางสิ่งบางอย่างก็ได้ แบบคุณดูรูปแบบปกที่ผมบอก หรือดูชื่อเพลง ดูรูปประกอบ คุณอาจจะมีความรู้สึกว่าเขาพูดถึงจินตนาการในอนาคต แต่ที่ผมแปลเนื้อร้องคร่าวๆไม่ใช่ครับ Moody Blues จะพูดถึงการเป็นไปของมนุษย์ในปัจจุบัน อาจจะมีการใช้แบ็คกราวนด์เป็นฉากอนาคตก็ได้
หลายๆสิ่งรวมกันแล้ว ผลงานของ Moody Blues ชุดนี้ คุ้มเงินเอามากๆเลยทีเดียว คนที่ไม่เคยฟังผลงานของเขามาก่อน เริ่มจากชุดนี้ได้สบายๆแล้วค่อยถอยไปสู่ชุดเก่าๆของเขา คุณอาจจะมีความรู้สึกว่าทำไมดนตรีมันยากขึ้นทุกที ตอบง่ายๆว่าผลงานชุดนี้ป๊อบขึ้นครับ หรือจะพูดอีกอย่างว่า Moody Blues มุ่งในด้านคอมเมอร์เชี่ยล ต้องการตลาดคนฟังให้กว้างขึ้นก็ได้ แต่ถ้าจะพูดกันในฐานะแฟนเก่า (ซึ่งขอเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง) ขอบอกเลยว่า ค่อนข้างผิดหวังในหลายๆด้าน แต่ก็ไม่เสียดายเงินหรอกครับ (อันที่จริงเสียดายนะครับ เพราะราคาแผ่นเสียงเมืองไทยแพงจริงๆ) เพราะนี่คือผลงานที่ดีชุดหนึ่ง แค่นี้คงเป็นที่ตอบคุณได้แล้วนะครับ ว่าชุดนี้เหมาะสำหรับการฟังไหม
SP 183
SP 183
No comments:
Post a Comment