Pink Floyd :: Dark Side of The Moon (1973)

ก็เป็นการทำตามสัญญาที่ให้ไว้ฉบับก่อนว่าจะพูดถึงแผ่นเก่าๆให้ท่านฟังฉบับละแผ่นตามที่มีผู้แนะนำมา ซึ่งตรงกับความคิดของผมพอดี ที่ผมได้คิดมานานแล้วตั้งแต่เริ่มทำคอลัมน์นี้ ถ้าท่านต้องการให้เขียนถึงแผ่นเก่าๆแผ่นไหนก็ลองบอกมา ถ้ามีหรือพอหาได้จะเขียนถึงครับ ส่วนจะรู้ว่าเก่าหรือไม่ก็ขอให้ถือหลักว่าต้องออกจำหน่ายมาไม่ต่ำกว่า ๕ ปี

ความจริงชุดนี้คุณระย้าเคยนำมาเขียนนานมาแล้ว และเป็นผู้ที่นำวง Pink Floyd มาแนะนำให้ท่านรู้จัก และตอนที่เขียนอยู่นี้ผมมีบิลล์บอร์ดฉบับเก่า ฉบับ ๒๕ สิงหาคม ปี ๘๑ แผ่นนี้ของ Pink Floyd ก็ยังติดอยู่ในอันดับที่ ๑๘๓ เป็นเวลานานถึง ๓๗๓ สัปดาห์ ถ้านับเป็นปีก็เป็นเวลา ๗ ปี ๒ เดือน แต่สำหรับแค็ชบ็อกซ์นั้นไม่ได้ติดอันดับมานานแล้ว การจัดอันดับของบิลล์บอร์ดและแค็ชบ็อกซ์นั้นไม่เหมือนกัน บิลล์บอร์ดจัดตามยอดการขายแผ่นเป็นหลัก แต่แค็ชบ็อกซ์จัดตามความนิยมทางวิทยุ เพราะถือว่าคนบางคนชอบแต่ไม่มีเงินซื้อแผ่นฟัง

แผ่นนี้จัดว่าเป็นแผ่นประวัติศาสตร์ไม่ใช่เฉพาะของโลกแผ่นเสียงเท่านั้น แต่เป็นส่วนตัวผมด้วย เป็นแผ่นแรกที่ผมซื้อหลังจากเริ่มเป็นนักเล่นแผ่นเสียงกันอย่างจริงจัง ซึ่งมีสองชุดด้วยกันคือ Dark Side Of The Moon และ Made In Japan ของ Deep Purple แต่ทั้งสองแผ่นนี้เป็นคนละแนวกัน คือ Dark Side เป็นโปรเกรสซีฟร็อค ส่วน Made In Japan เป็นแบบอันเดอร์กราวนด์ ผมเป็นคนชอบสองแนวนี้มาแต่เริ่มจนกระทั่งเดี๋ยวนี้

ก่อนจะกล่าวถึงแผ่นนี้ก็ขอเล่านิทานเรื่องหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อช่างทอเสื้อกับพระราชา ผมเคยอ่านตอนเด็กๆ และเคยนำมาสร้างเป็นหนังทีวีแล้วโดย วอลท์ ดิสนีย์ เรื่องมีอยู่ว่าพระราชาได้ข่าวว่ามีช่างทอเสื้อสองคน ทอเสื้อได้สวยงามดังเทพเจ้า ตอนนั้นใกล้จะเป็นวันครอบรอบวันเกิดของพระราชา พระราชาจึงคิดอยากจะใส่เสื้อที่สวยที่สุดในโลก จึงให้ทหารไปตามช่างทอเสื้อทั้งสองคนนี้มา ช่างทอเสื้อเรียกค่าทอแพงมาก และขอทอกันตามลำพัง ชาวเมืองมีความอยากรู้อยากเห็นว่าช่างทอเสื้อได้สวยมากแค่ไหนจึงแอบไปดู ก็เห็นช่างกำลังทอเสื้ออยูู่ แต่ไม่เห็นมีแม้แต่ผ้าหรือด้ายเลย แต่เป็นเพราะได้ยินคำร่ำลือว่าผู้มีบุญเท่านั้นที่มองเห็น คนที่ไปดูจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โอ้ โฮ เสื้อสวยจัง ทั้งที่ตนเองไม่ได้เห็นอะไรเลย แต่เพราะอยากจะเป็นคนมีบุญจึงต้องบอกว่าเห็น เมื่อกำหนดมาถึง ช่างทอเสื้อนำเสื้อมาถวายพระราชา พระราชาก็มองไม่เห็น แต่กลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเป็นคนไม่มีบุญ จึงนำมาสวมใส่ โดยความจริงคือไม่ได้ใส่อะไรเลย แล้วก็เดินปรากฎกายให้ประชาชนชม ประชาชนต่างก็เห็นว่าพระราชาไม่ได้ใส่อะไรเลย แต่กลัวว่าจะกลายเป็นคนไม่มีบุญ จึงชมเป็นเสียงเดียวกันว่า พระราชาใส่เสื้อสวยงามมาก จนกระทั่งพระราชาเดินผ่านเด็กคนหนึ่ง เนื่องจากความเป็นเด็กไม่รู้ความ จึงตะโกนชึ้นว่าพระราชาไม่ได้ใส่อะไรเลย ความจึงแดงขึ้น เพราะทุกคนต่างก็เห็นว่าไม่ได้ใส่อะไรเลย พระราชาจึงรู้ว่าตนเองถูกหลอก

ที่เล่าให้ฟังถึงเรื่องนี้ เพราะอยากให้ท่านเปรียบเทียบกับความชื่นชอบในการฟังเพลง อย่าได้ชื่นชม เพราะคนทั้งโลกเขายกย่อง ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่วิเศษ จงชื่นชอบตามความรูัสึกของตนเองเป็นหลัก แต่ไม่ได้หมายถึงการเป็นคนขวางโลก ขอให้เราชอบอย่างมีเหตุผล แล้วจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง

Pink Floyd เป็นวงที่มีฝีมือมาก ทั้งๆที่สมาชิกทั้ง ๔ คน ไม่ได้มีความเก่งกาจในด้านไหนด้านหนึ่งเป็นหลักเลย แต่เมื่อมารวมตัวกันแล้ว ยากนักที่ใครจะกินเขาลง ถ้าจะถามคนส่วนมากว่าหัวใจของวงนี้เป็นใคร ก็คงจะตอบกันว่า David Gilmour มือกีต้าร์ แต่สำหรับผม เห็นว่าควรจะเป็น Roger Waters มือเบสมากว่า เพราะเพลงเอกของวงนี้ ส่วนมากเป็นผลงานของเขา

สิ่งหนึ่งที่ทำให้วงนี้ได้รับความสำเร็จอย่างมากจากอดีตถึงปัจจุบันก็คือสามารถนำเอาคำว่าศิลปินและพาณิชย์มารวมกันได้ โดยเฉพาะแผ่นนี้นับว่าเป็นจุดสุดยอดของการนำเอาคำว่าศิลปแห่งเสียงเพลง มารวมกับคำว่าพาณิชย์ได้ดีจริงๆ และจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีวงไหนสามารถนำเอาสองคำนี้มารวมกันและให้คำจำกัดความได้ดีเท่านี้เลย

วงที่มีฝีมือดีกว่า Pink Floyd มีอยู่มาก แต่บางวงก็เป็นศิลป์ไปเลย เช่น Brand X บางวงก็เอาสองคำที่ว่ามารวมกันไม่สมบูรณ์นัก เช่น Steve Hillage (จะนำมาเขียนถึงในเร็วๆนี้)

เป็นความจริงที่ว่าดนตรีของ Pink Floyd ต้องปีนบันไดฟังกันบ้าง คือไม่ใช่บันไดสูงนัก ถ้าเทียบกับระดับความรู้ก็ต้องบอกว่าไม่ต้องสูงมากนักก็ฟังได้ แต่ก็ต้องฟังกันอย่างตั้งใจ อาจบอกได้ว่าเป็นชุดที่ดีที่สุด (แต่ใจจริงของผมเองแล้วชอบแผ่น Animals มากกว่า เพราะนำสภาพของสังคมคนไปเปรียบเทียบกับสัตว์ได้อย่างเจ็บแสบมาก) แต่แผ่นนี้ไม่มีเพลงที่ดีที่สุดในสายตาของผมอยู่ด้วยคือ Atom Heart Mother ซึ่งเป็นเพลงบรรเลงยาวถึง ๒๓.๕๑ นาที ก็เพราะเพลงนี้ล่ะครับ ที่ทำให้เกิดชุดนี้ (Dark Side Of The Moon) ขึ้น เพราะหลังจากชุด Atom Heart Mother ออกมา ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วงนี้ไม่สามารถทำแผ่นที่ดีกว่านี้ออกมาแล้ว จึงได้ออกชุด Dark Side Of The Moon ที่ดีกว่าชุด Atom Heart Mother แต่ก็ไม่สามารถทำเพลงได้ดีกว่าเพลง Atom Heart Mother นี่เป็นความคิดของผมคนเดียว แต่อยากให้ท่านได้ฟังเพลงนี้ก่อนค่อยตัดสินใจ แต่เพลงนี้ฟังยากนะครับ ถ้าจะฟังต้องค่อยๆฟังอย่างตั้งใจมาก แล้วจะซาบซึ้งไปกับเพลงนี้

แผ่นนี้พิถีพิถันมาก ตั้งแต่ปกไปเลยทีเดียว สามารถให้คำจำกัดความของคำว่ามุมมืดของดวงจันทร์ได้อย่างสวยงาม และเป็นการนำความสามารถของสมาชิกทั้ง ๔ คนรวมกัน ทุกคนมีส่วนร่วมในเพลงของชุดนี้อย่างเท่าเที่ยมกัน

เริ่มจากเพลง Speak To Me อันเป็น Overture ไม่อยากใช้คำว่า Intro เพราะคำว่า Overture จะสมบูรณ์มากกว่า เริ่มตั้งแต่การเกิด ผ่านการต่อสู้ในสังคมมานับไม่ถ้วน ผจญกับความสับสนวุ่นวายในสังคมที่ต้องแข่งขันกันในเพลงบรรเลงขื่อ On The Run ผจญกับคำว่าเวลาซึ่งไม่คอยท่าใครในเพลง Time ความเห็นแก่ได้ในเศษกระดาษที่มีค่ามากในเพลง Money บางครั้งต้องสู้กับความจริงที่เราไม่มีทางรู้ในเพลง Us And Them ถึงแม้เราจะกลายเป็นชายแก่ที่ตายแล้วก็ตาม (The Old Man Died) จนกระทั่งถึงจุดจบของชีวิตในเพลง Brain Damage คำว่า Dark Side Of The Moon ของ Pink Floyd คงจะหมายความถึงมุมมืดในชีวิตของเราเอง เปรียบเหมือนดวงจันทร์ที่เราไม่สามารถมองเห็นมุมมืดของดวงจันทร์ได้เลย ถ้าท่านฟังเพลง Brain Damage จะเห็นว่าเขาเน้นคำว่า Dark Side Of The Moon มาก โดยไปไว้ที่ท้ายประโยคเสมอ จนถึงจุดจบอย่างแท้จริงในเพลง Eclipse ซึ่งผมเข้าใจว่า เขาต้องการจะบอกว่า แม้ท่านจะรู้จักกับความรัก (Love) อาหาร (Eat) ชีวิต (Save) แต่เท่านี้หรือคือชีวิตตามที่ท่านเข้าใจ เมื่อจบเพลง Eclipse อย่าเพิ่งยกเข็มแผ่นเสียง ท่านจะได้ยินเสียงเครื่องเคาะจังหวะเบาๆ ซึ่งผมเข้าใจว่าเขาคงหมายถึงเสียงหัวใจที่เต้นแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนหมดสิ้นไป ซึ่งทำได้คล้องจองกับเพลง Speak To Me มาก เมื่อ Speak To Me หมายถึงการเกิด Eclipse ก็หมายถึงการสิ้นสุด และท่านจะเห็นท่อน Breathe Reprise เนื้อท่อนนี้ไม่มีในเพลงนะครับ เป็นบทกวีชั้นหนึ่งที่แถมให้ท่าน เพลง The Great Gig In The Sky ฟังแล้วน่าปวดหัวและไม่เป็นเพลง แต่เป็นแนวหนึ่งที่ Rick Wright แต่งได้ดีมาก เหมาะสำหรับที่จะอยู่ใน LP ชุดนี้ ถ้าไปอยู่ใน LP ชุดอื่น เพลงนี้จะไม่ได้เรื่องเลย แสดงถึงความสับสนวุ่นวายต่างๆของคนบนโลก เพลง Any Colour You Like เป็นเพลงบรรเลงที่มีลักษณะขัดกับท่วงทำนองมาก ตอนต้นแจ๋วมาก แต่เสียงกีต้าร์ที่แผดออกมาขัดกับท่วงทำนอง

แผ่นนี้ไม่เพียงแต่นำชื่อเสียงมาให้วง Pink Floyd เท่านั้น แต่นำชื่อเสียงมาสู่ Alan Parsons ซึ่งเป็นเอนจิเนียร์ให้กับชุดนี้ด้วย Alan เคยทำงานกับ Pink Floyd มาก่อน จากชุด Atom Heart Mother

ชุดนี้คุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ถ้าเป็นแผ่นของนอกจะมีโปสเตอร์แถมมาให้ ๒ รูป เป็นรูป Pink Floyd สวยมาก ๑ รูป และ ปิรามิดอีก ๑ รูป และสติ๊กเกอร์อีกสองแผ่น แต่อยากจะแนะนำว่าเพิ่มเงินอิกนิดหน่อยซื้อแผ่นญี่ปุ่นดีกว่า เพราะระบบเสียงดีกว่ามาก ถ้ามีเครื่องเล่น 4 Channel ก็ซื้อแบบ 4 Channel ดีกว่าครับ จะได้แผ่นที่มีคุณภาพดีระบบเสียงดี

เพลงต่างๆในชุดนี้ไม่ขอให้ดาว เพราะถ้าแยกออกมาเป็นเพลงๆแล้ว บางเพลงไม่เด่นเท่าไหร่ แต่ถ้ารวมกันเป็น LP แล้วทุกเพลงเยี่ยมมาก แต่ถ้าจะถามผมว่าชอบเพลงไหนมากที่สุด ก็ขอตอบว่าเพลง Us And Them

แล้วก็ขอย้ำอีกทีนะครับว่า ถ้าจะซื้อชุดนี้ก็ขอให้ชอบเพลงในแนวนี้ ไม่ใช่เพราะเห็นว่าชุดนี้ขายได้ดีมาก เหตุผลก็อย่างที่เล่านิทานประกอบในตอนต้น หวังว่าท่านคงมีการตัดสินใจที่แน่นอน (มีเนื้อเพลงด้วย)

SP 160

No comments:

Post a Comment